เชียงใหม่ - เชียงใหม่ทำสถิติยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันพุ่ง ตรวจเจอเพิ่มวันเดียว 5,033 ราย พร้อมรับเปิดพื้นที่ทั้ง 25 อำเภอของจังหวัดเป็นสีฟ้า นำร่องท่องเที่ยว อ้าแขนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ ผอ.รพ.สันทรายโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงความเป็นห่วงกรณีปรับเชียงใหม่เป็นพื้นที่สีฟ้า หวั่นยอดผู้ติดเชื้อยิ่งพุ่ง พร้อมระบุตลอด 2 ปีที่ผ่านมา จนท.สาธารณสุขทำงานอย่างหนักแทบไม่ได้หยุดพัก โดยกำลังคนไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ผู้ป่วยเพิ่มเป็นสิบเท่า
บ่ายวันนี้ (22 มี.ค. 65) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ระลอกเดือนมกราคม 2565 จังหวัดเชียงใหม่ ณ วันที่ 22 มี.ค. 65 ว่า มีผู้ติดเชื้อยืนยัน (RT-PCR) สะสม 19,564 ราย เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 449 ราย และเฉลี่ย 14 วัน เพิ่มขึ้นวันละ 343 ราย และมีผู้ติดเชื้อเข้าข่าย (ATK) สะสม 126,566 ราย เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 4,584 ราย และเฉลี่ย 14 วัน เพิ่มขึ้นวันละ 3,462 ราย ซึ่งรวมทั้งผู้ติดเชื้อยืนยันและผู้ติดเชื้อเข้าข่ายวันนี้เพิ่มขึ้น 5,033 ราย โดยวันนี้มีผู้ติดเชื้อที่รักษาหาย 4,892 ราย ส่วนผู้ที่อยู่ระหว่างการรักษา มีจำนวน 19,348 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว คือไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย และรักษาด้วยระบบการแยกกักที่บ้าน หรือ Home Isolation จำนวน 19,194 ราย ทั้งนี้วันนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ทำให้ยอดสะสมยังคงอยู่ที่ 72 ราย
วันเดียวกันนี้ นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงการขับเคลื่อนเปิดเมืองเชียงใหม่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติว่า จังหวัดเชียงใหม่มีรายได้จากการท่องเที่ยวถึงร้อยละ 70 แต่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบไปทั่วโลก และแม้สถานการณ์ของโรคจะเปลี่ยนแปลงไป ความรุนแรงลดลง แต่ประชาชนก็ยังคงต้องใช้ชีวิตแบบ New Normal ภายใต้มาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล หรือ Universal Prevention For COVID-19 และอยู่กับโควิด-19 อย่างรู้เท่าทัน หรือ Living With Covid-19 ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่ได้คำนึงถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจควบคู่กับการควบคุมโรค
โดยเดิมจังหวัดเชียงใหม่ได้เปิดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวใน 5 อำเภอ คือ อำเภอเมือง แม่ริม แม่แตง ดอยเต่า และจอมทอง เพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในการท่องเที่ยวแบบ Sand Box แต่ในขณะนี้ได้มีการขอเปิดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวหรือพื้นที่สีฟ้าเพิ่มอีก 20 อำเภอ เพื่อให้เกิดการสร้างรายได้ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และให้คนเชียงใหม่โดยเฉพาะภาคเอกชน โรงแรม ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยว สามารถเดินหน้าต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้เน้นย้ำภาคเอกชนให้ปฏิบัติตามมาตรการ Covid Free Setting อย่างเคร่งครัด โดยจะต้องมีความสะอาด มีการฆ่าเชื้อ มีจุดคัดกรอง บริการเจลแอลกอฮอล์ และผู้ให้บริการต้องมีความปลอดภัย คือได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างน้อย 2 เข็ม และสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา พร้อมขอให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมเป็นเจ้าบ้านที่ดี ให้คำแนะนำ ข้อมูลแก่นักท่องเที่ยว และรักษาสถานะจังหวัดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวไว้ให้ได้ ทั้งนี้การประกาศให้ทั้ง 25 อำเภอของเชียงใหม่ เปิดรับนักท่องเที่ยวได้ ต้องรอการยืนยันเป็นเอกสารทางราชการแจ้งมาถึงเชียงใหม่ ก่อน จึงจะสามารถเปิดพื้นที่ได้ทั้งจังหวัดต่อไป
ขณะเดียวกันรายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ (22 มี.ค. 65) เฟซบุ๊ก “Woravut Kowatcharakul” ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กส่วนตัวของนายแพทย์ วรวุฒิ โฆวัชรกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ โพสต์ข้อความแสดงความเห็นเกี่ยวกับการประกาศให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว หรือพื้นที่สีฟ้า ในเชิงเป็นห่วงเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีความเป็นไปได้ที่อาจจะเพิ่มขึ้น รวมทั้งการทำงานอย่างหนักแทบไม่ได้หยุดพักของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยที่จำนวนเจ้าหน้าที่ไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า
ทั้งนี้ โพสต์ดังกล่าวระบุข้อความว่า “22 มีนาคม 2565 โลกใบเดียวกัน แต่ความคิดคำนึง กับความรู้สึก และการกระทำที่ตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นต่างกัน ทันทีที่มีประกาศให้เชียงใหม่เป็นสีฟ้า หลายคนกระหยิ่มยิ้มย่อง จะได้ประกอบอาชีพอย่างเต็มที่เสียที หลายคนลูบปาก ถึงเวลาได้ออกไปทำกิจกรรมอย่างที่ชอบ และ อื่นๆ...... ฝั่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขถอนหายใจยาว.... นั่งประชุมกันหน้าดำคร่ำเครียด มีถกเถียงกันบ้างประปราย ทำอย่างไรจึงจะเพิ่มเตียงรับคนไข้หนักให้มากที่สุดเท่าที่เป็นได้ เพราะ น่าจะมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นแน่ๆ แม้ โอมิครอน อาการหนักน้อยกว่า เดลตา แต่ตอนนี้ป่วยมากกว่าตอนเดลตาสิบเท่า คนไข้อาการหนักน่าจะมีจำนวนไม่น้อยกว่าช่วงที่เรามีปัญหาเรื่องเตียงหนัก จะปั๊มให้มีเตียงเพิ่มได้ยังไง...
ได้แต่หวังว่าคนไข้หนักจะไม่มากเกินไป คนตายส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ และไม่ฉีดวัคซีน ฝถึงเกือบ 80% เวลาผ่านมาล่วงเลยก็ยังมีความกลัวเรื่องวัคซีน ทั้งที่คนตายจากโควิดแซงหน้าไปเป็นร้อยเท่าแล้ว ถ้ามีอะไรจะขอ...ในตอนที่ขออะไรก็ไม่ได้ตอนนี้ ขอว่า ก่อนจะเปิดสีฟ้าทั้งเมือง คนที่จะไปออกไปเที่ยว ช่วยเหลียวดูในบ้านหน่อยว่ามีผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรังในบ้านอยู่ไหม ถ้ามีและยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ช่วยพาออกมาฉีดวัคซีน ด้วยนะครับ เพื่อ.... หลังจากไปเที่ยวกันแล้ว จะไม่รู้สึกผิดที่เอาเชื้อเข้าบ้านมาแพร่ให้ผู้สูงอายุที่บ้านหรือผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ต้องเจ็บป่วย จนต้องจากลากันไปก่อนเวลาอันสมควร
พวกเราชาวสาธารณสุข ยังคงยืนหยัดทำงานช่วยพวกท่านจนสุดกำลังต่อไป..จนกว่าสถานการณ์โรคจะพ้นผ่าน สองปีมาแล้วนะครับ จำนวนคนทำงานพวกเราไม่ได้เพิ่มมากกว่าเดิมเลย แต่จำนวนคนไข้ที่ต้องดูแลเพิ่มขึ้นสิบเท่า เรื่องความบกพร่องในการดูแลก็มีบ้างในกลุ่มที่ไม่มีอาการ ตอนนี้เราทุ่มสรรพกำลังของเราเตรียมความพร้อมในการดูแลกลุ่มอาการหนักให้ผ่านพ้นช่วงนี้กันไปให้ได้ หวังว่าจะเข้าใจกันนะครับ ถ้าไม่เข้าใจ พวกเราก็เข้าใจครับ”