ประจวบคีรีขันธ์ - ผู้ว่าฯ ประจวบฯ พร้อมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ติดตามสภาพพื้นที่น้ำท่วมนาข้าว อ.สามร้อยยอด ซึ่งยังคงมีนาน้ำท่วมขังนาข้าวเป็นวันที่ 7 แล้ว เบื้องต้น พื้นที่นาถูกน้ำท่วมหนักกว่า 400 ไร่ เกษตรกร 52 ราย ที่ได้รับความเดือดร้อน
นายเสถียร เจริญเหรียญ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย ว่าที่ พ.ต.อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ลงพื้นที่ตรวจสอบนาข้าวที่ถูกน้ำท่วมหมู่ที่ 5 บ้านเกาะไผ่ และหมู่ที่ 2 บ้านสามร้อยยอด ตำบลไร่เก่า อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วานนี้ (20 ก.พ.) โดยมีนายไพศาล ช่อผกา นายอำเภอสามร้อยยอด นายนภดล เบ็ญจกุล เกษตรอำเภอสามร้อยยอด พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และเกษตรกรที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมนาข้าวมารอให้ข้อมูลถึงปัญหาน้ำท่วมนาข้าวทุกครั้งที่ฝนตกลงมา และกว่าน้ำจะลดลงต้องใช้เวลานานนับเดือน ส่งผลให้เกิดความเสียหายและต้องสูญเสียรายได้จากการการปลูกข้าว
นายเสถียร เจริญเหรียญ ผู้ว่าราชากรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า หลังจากดูสภาพพื้นที่แล้วพบว่า ปัญหาบริเวณพื้นที่ตรงนี้เป็นที่ลุ่ม ดังนั้น วิธีแก้คือต้องหาทางระบายน้ำให้น้ำไหลออกไปให้เร็วมากที่สุด ซึ่งทางผู้ใหญ่บ้านได้ให้ข้อมูลว่า มีคูคลองที่ไหนที่เป็นทางระบาย เพราะตอนนี้เหมือนกับว่าลำรางเดิมเกิดการตื้นเขิน ก่อนที่น้ำจะไหลออกสู่ทะเล ยอมรับว่าระยะทางค่อนข้างยาวและมีความคดเคี้ยว เส้นทางน้ำที่จะไหลลงสู่ทะเลต้องผ่านพื้นที่อำเภอกุยบุรีด้วย ซึ่งต้องสำรวจพื้นที่เส้นทางการระบายน้ำให้ชัดเจน และหาวิธีการที่จะระบายน้ำให้ออกสู่ทะเลโดยเร็ว และต้องแก้ปัญหาแบบระยะยาวเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับชาวนาขึ้นอีก โดยเฉพาะปีนี้ไม่มีใครคาดคิดว่าฝนจะมาตกในช่วงนี้
ผู้ว่าราชากรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญต้องเร่งให้การช่วยเหลือเยียวยาในความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรที่ทำนาข้าวในพื้นที่ อีกส่วนจะต้องมาคิดในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมนาข้าว ว่า จะสามารถระบายน้ำออกจากพื้นที่ลุ่มได้อย่างไร รวมทั้งต้องมีการสำรวจพื้นที่แถบนี้ดูว่ามีคูคลองจุดไหนบ้างที่สามารถพัฒนาให้มีการระบายน้ำได้สะดวกขึ้น ส่วนเรื่องของการขุดลอกต้องดูในภาพรวม ซึ่งวันนี้เมื่อดูแผนที่แล้วพบว่าเส้นทางที่จะระบายน้ำออกไปสู่ทะเลผ่านหลายพื้นที่อย่างไรก็ตาม อาจจะต้องนั่งเรือไปสำรวจดูสภาพพื้นที่จริงให้เห็นแนวคูคลองจุดต่างๆ ที่ไหลลงสู่ทะเล
นายศิริ อินประสิทธิ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 กล่าวว่า เส้นทางคูคลองจากพื้นที่ถูกน้ำท่วมแคบและตื้นเขิน ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร ก่อนที่น้ำจะไหลไปออกคลองเขาแดง ต.เขาแดง อ.กุยบุรี ไหลออกทะเล ซึ่งช่วงคลองเขาแดงนั้นเป็นลำคลองใหญ่กว้างอยู่แล้ว จึงไม่น่ามีปัญหาอะไร มีจุดสำคัญที่ต้องดำเนินการระยะทาง 5 กิโลเมตร ซึ่งคงต้องมีการขยายคูคลองให้กว้างขึ้น ซึ่งตนเองมีการสำรวจและจัดทำแผนที่ไว้แล้ว ซึ่งชาวบ้านกยินยอมที่จะให้ขยายแนวคูคลองให้กว้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมนาข้าว อย่างไรก็ตาม 1 สัปดาห์แล้วระดับน้ำยังทรงตัวอยู่ทำให้นาข้าวยังคงจมอยู่ในน้ำ
ขณะที่นายนิจ อภิรักชัยพร ชาวนาสามร้อยยอด ตลอดจนรายอื่นๆ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากฝนที่ตกหนักและเกิดน้ำท่วมนาข้าวซึ่งเกิดขึ้นทุกครั้งที่มีฝนตกนั้น กล่าวว่า ระดับน้ำยังทรงตัวอยู่คาดว่าอย่างช้า 1 เดือนกว่าน้ำจะลดลง แต่ยอมรับแนวทางการแก้ปัญหาของของผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่จะต้องลงสำรวจดูสภาพพื้นที่กันจริงๆ โดยการล่องเรือไปตามลำคลองจนออกสู่ทะเลเพื่อที่จะได้เห็นเส้นทางน้ำ และอีกส่วนอยากให้มีการขุดลอกคูคลอง อย่างน้อยชาวนาที่ได้รับความเดือดร้อนจะได้มีความหวังในการที่จะได้เห็นหน่วยงานภาครัฐแก้ปัญหาทั้งระยะสั้น และระยะยาว ไม่ต้องทนกับสภาพทีทฝนตกและเกิดน้ำท่วมนาข้าวในช่วงที่มีการปลูกข้าวเหมือนทุกปีที่ผ่านมา
ด้านนายนภดล เบ็ญจกุล เกษตรอำเภอสามร้อยยอด กล่าวว่า นาข้าวในอำเภอสามร้อยยอดมีกว่า 9 พันไร่ ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมมีทั้งหมู่ 1 หมู่ 2 ตำบลศิลาลอย ตำบลศาลาลัยบางส่วน และมากสุดที่หมู่ 5 ตำบลไร่ใหม่ และ หมู่ 2 ตำบลไร่เก่า อย่างไรก็ตาม จะมีการสำรวจเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้ชาวนาที่หว่านข้าวได้ 1 เดือน เริ่มทยอยมาขึ้นทะเบียนไว้แล้ว สำหรับหลักเกณฑ์ในการช่วยเหลือคือ เกษตรกรที่จะมาขึ้นทะเบียนต้องหว่านข้าวไปแล้วเป็นเวลา 15 วันขึ้นไป ส่วนการเยียวยาคือถ้าเป็นนาข้าวจะได้ค่าชดเชยไร่ละ 1,340 บาท รายละไม่เกิน 30 ไร่ ส่วนความเสียหายของ 2 หมู่บ้านอำเภอสามร้อยยอด ประมาณ 400 ไร่ เกษตรกร 52 ราย แต่ในภาพรวมของทั้งอำเภอสามร้อยยอด ยังคงมีความเสียหายในตำบลอื่นๆ อีก ซึ่งจะให้ทางองค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่รวบรวมข้อมูลมาเพื่อให้ทางอำเภอสามร้อยยอดรายงานเข้าไปยังจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อให้ประกาศเป็นภัยพิบัติต่อไป