เชียงใหม่ - ชาวเขาบนดอยอินทนนท์พร้อมใจร่วมจัดพิธีสาปแช่งคนเผาป่า พร้อมนำภูมิปัญญา และองค์ความรู้ การจัดการไฟป่าของท้องถิ่น หวังลดปัญหาหมอกควันปกคลุมภาคเหนือ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (สส.) ร่วมกับ เทศบาลตำบลบ้านหลวง หน่วยจัดการต้นน้ำแม่กลาง ดอยอินทนนท์ สถานีควบคุมไฟป่าดอยอินทนนท์ มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (ภาคเหนือ) และเครือข่ายลุ่มน้ำ ภูมินิเวศดอยอินทนนท์ จัดเวทีความร่วมมือหนุนพลังเครือข่ายจัดการไฟป่า ฝุ่นควันอย่างยั่งยืน และพิธีสาปแช่ง คนเผาป่า เสริมภูมิปัญญาและสร้างองค์ความรู้จัดการไฟป่า วานนี้ (16 ก.พ. 65) ที่ศูนย์เรียนรู้การจัดการทรัพยากรที่ยั่งยืนดอยอินทนนท์ บ้านกลาง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งนี้ มีนางภาวินี ณ สายบุรี รองอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เป็นประธานในพิธีเปิด และ นายยุทธพงศ์ ไชยศร นายอำเภอจอม พร้อมผู้แทนจากหน่วยงานและทุกภาคส่วนเข้าร่วม
โดยชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง และชาวเขาเผ่าม้งกว่า 200 คนได้ร่วมกันทำพิธีรวมพลังมวลชนป้องกันไฟป่าและหมอกควันอินทนนท์ หรือพิธีสาปแช่งผู้เผาทำลายป่า จนเกิดหมอกควันปกคลุมทั่วภาคเหนือ ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต และเศรษฐกิจ และเพื่อสนับสนุนการทำงานของอาสาสมัครภาคประชาชน และให้ความสำคัญต่อการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ รวมทั้งพัฒนาเครือข่ายอาสาสมัครเฝ้าระวังไฟป่า ลดหมอกควัน จังหวัดเชียงใหม่ ในพื้นที่ดอยอินนทนนท์ ออบขาน และพื้นที่โดยรอบ ซึ่งภายในงานจัดให้มีเวทีเสวนา ความร่วมมือหนุนพลังเครือข่ายจัดการไฟป่า ฝุ่นควันอย่างยั่งยืน และพิธีสาปแช่งคนเผาป่า ตามภูมิปัญญาท้องถิ่นของกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง และ ปกาเกอะญอ ในการพิทักษ์รักษ์ผืนป่า สายน้ำ และ ป้องกันไฟป่า ลดหมอกควัน รวมทั้งร่วมกันทำแนวกันไฟบ้านขุนกลาง
สำหรับการจัดกิจกรรมครั้งนี้ชาวเขาบนดอยทุกเผ่าประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันในการรณรงค์ไม่จุดไฟเผาป่า เพื่อไม่ให้เกิดหมอกควันไฟป่าปกคลุมเมืองเชียงใหม่ ซึ่งปีนี้ในพื้นที่ดอยอินทนนท์ไม่เกิดไฟป่าในพื้นที่เลย โดยพิธีสาปแช่งที่จัดขึ้นเป็นการบนบานเจ้าที่เจ้าทางในการไม่ให้เกิดไฟป่าในพื้นที่ และหากผู้ใดฝ่าฝืนลักลอบจุดไฟเผาในพื้นที่ดอยอินทนนท์ก็ขอให้ประสบพบเจอสิ่งที่ไม่ดี ซึ่งปัจจุบันประชาชนเครือข่ายในพื้นที่ดอยอินทนนท์ถือว่ามีความเข้าใจ และเข้ามามีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังไฟป่า หมอกควันอย่างเต็มที่ นับเป็นแบบอย่างที่ดีในการขยายแนวคิดในการจัดการสิ่งแวดล้อมไปสู่พื้นที่อื่นต่อไป
