อุทัยธานี - สังคมออนไลน์ เฟซบุ๊ก-ทวิตเตอร์-Tik Tok วิจารณ์กันดุเดือด..กรณี ร.ร.อุทัยฯ ให้นักเรียนชายจ้องหน้าอก นร.หญิง ลงโทษไม่ใส่เสื้อซับในมาโรงเรียน จวกละเมิดสิทธิ-คุกคามทางเพศ แม้ขอโทษทีหลังแต่ถามว่าลบล้างบาดแผลในใจเด็กได้หรือไม่
วันนี้ (8 ก.พ. 65) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สังคมออนไลน์ ทั้ง Facebook, Twitter, และ Tiktok ได้ออกมาแฉพฤติกรรมของครูประจำชั้นโรงเรียนแห่งหนึ่งในอุทัยธานี ซึ่งระบุผ่านแฮชแท็กว่าเป็น #โรงเรียนประจำจังหวัดสีเหลืองแดง โรงเรียนแห่งนี้ ได้มีการทำโทษนักเรียนหญิงที่ไม่ใส่เสื้อซับในมาโรงเรียน ด้วยการให้นักเรียนชายมายืนมองหน้าอกของนักเรียนหญิง และที่น่าตกใจคือ ครูที่ใช้วิธีการดังกล่าวทำโทษนักเรียนนั้นเป็นครูผู้หญิงอีกด้วย ซึ่งเรียกได้ว่าวิธีการดังกล่าวนี้จัดว่าเข้าข่ายการคุกคามทางเพศ จนทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของครูรายนี้กันจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม พบว่านอกจากเรื่องดังกล่าวแล้ว ยังมีคนออกมาตีแผ่ปัญหาเกี่ยวกับประเด็นการคุกคามนักเรียนหญิงอื่นๆ ผ่านแฮชแท็ก #โรงเรียนประจำจังหวัดสีเหลืองแดง ทั้งเรื่องที่ครูผู้ชายส่งข้อความคุกคามทางเพศใส่นักเรียนหญิง รวมถึงเรื่องที่มีรุ่นพี่แอบถ่ายคนเข้าห้องน้ำหญิงอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีประเด็นหนึ่งจากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนแห่งนี้ ออกมาตั้งคำถามและแสดงทัศนะในมุมมองของตัวเองว่า..ฝากแชร์โพสต์หน่อยค่ะ ว่าจะไม่ยุ่งเรื่องที่โรงเรียนแล้ว ตั้งแต่เคสรอบนั้น แต่เรื่องนี้มันไม่ไหวจริงๆ ขอสักทีเถอะ เขารณรงค์ sexual harassment กันแทบตาย แต่ครูกลายเป็นบ่อเกิดของปัญหานี้ในโรงเรียนเอง
1) นักเรียนหญิงไม่ใส่เสื้อซับมา ความผิดคืออะไร? แต่งกายผิดระเบียบ? เอาสิทธิข้อไหนมาลงโทษ 2) การลงโทษโดยการให้นักเรียนชายมาจ้องหน้าอกของนักเรียนหญิง ถือเป็นวิธีการลงโทษที่ดีและเหมาะสมแล้ว แน่ใช่ไหม?
3) การกระทำแบบนี้ของครู ผิดจรรยาบรรณต่อผู้รับบริการไหม เพราะมันทำให้นักเรียนอับอายมาก 4) ครูขอโทษแล้ว ขอโทษแล้วยังไงต่อ แล้วนักเรียนที่อับอายไปแล้ว การที่โดนมองหน้าอกไปแล้ว และโดนนินทาไปแล้ว ความรู้สึกของเด็ก ครูจะเอาคืนมายังไง จะชดใช้ยังไง 5) เคสนี้ ผู้บริหารจะจัดการยังไง จะลงโทษครู และเยียวยานักเรียนยังไง อันนี้แหละที่อยากถาม หรือจะปล่อยให้ข่าวเงียบไปอีก
ผู้โพสต์ยังระบุทิ้งท้ายว่า เป็นครู ทำอะไรผ่านการคิดและไตร่ตรองสักนิด สิ่งที่คุณคิดว่ามันสมควรทำ มันส่งผลระยะยาวต่อผู้เรียน คุณอาจจะคิดว่าไม่เห็นเป็นไร แต่ self-esteemed ของเด็กคนหนึ่งจะเปลี่ยนไปตลอด สิ่งที่คุณทำ มันจะกลายเป็นแผลในใจของเด็กไปตลอด แล้วก็อย่าปล่อยให้เรื่องเงียบนะคะ เรื่องแบบนี้ควรได้รับการแก้ไขค่ะ #โรงเรียนประจำจังหวัดสีเหลืองแดง
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากหนึ่งในผู้ปกครองที่อยู่ในกลุ่มแชตนักเรียน ซึ่งเป็นห้อง ม.2/5 ได้มีการบันทึกข้อความในแชตที่พบว่ามีครูรายหนึ่งซึ่งคาดว่าเป็นครูที่ปรึกษา ได้ทำการเขียนชื่อนักเรียน 4 คนลงในกระดาษ ก่อนระบุว่าให้ผู้ปกครองของนักเรียนที่มีรายชื่อดังกล่าวติดต่อกับครูรายนี้
ทั้งนี้ ผู้ปกครองของนักเรียนในรายชื่อได้ออกมาระบุในแชตกลุ่มดังกล่าวว่า รู้สึกไม่พอใจกับวิธีการลงโทษนักเรียนแบบนี้ โดยมีการตั้งคำถามกับครูรายนี้ว่า "ทำแบบนี้เด็กจะไม่อับอายหรือ", ขอแจ้งอาจารย์ที่ปรึกษาช่วยเคารพสิทธิมนุษยชน และการคุกคามทางเพศด้วย เพราะการกระทำที่อาจารย์ทำกับน้องสาวไม่สมควร เข้าใจว่าน้องทำผิด แต่ควรจะกล่าวให้น้องปรับปรุง ไม่ใช่ให้เรียกกลุ่มผู้ชายมายืนมองหน้าอกน้อง ถ้ามีครั้งหน้าอีกขออนุญาตให้น้องอัดคลิปวิดีโอทุกครั้ง
ซึ่งพบว่าครูรายนี้ได้ตอบกลับผู้ปกครองผ่านแชตกลุ่มไปว่า "ขอโทษผู้ปกครองด้วยนะคะ และครูก็ได้ขอโทษนักเรียนไปแล้ว คุยกับนักเรียนแล้ว ต้องขออภัยด้วยจริงๆ"
ด้าน นางพยุง แจ้งใบ อายุ 52 ปี หมู่ 6 ต.หาดทนง อ.เมืองอุทัยธานี หนึ่งในผู้ปกครองของนักเรียนที่ถูกครูทำโทษ ระบุว่า ทราบเรื่องหลังจากที่ลูกสาวกลับมาจากโรงเรียนตอนเย็นแล้วมาเล่าให้ฟังว่า..ครูได้ทำโทษด้วยวิธีดังกล่าวจริง และต่อมาทางครูรายนี้ก็ได้เข้ามาขอโทษตนกับลูกสาว ซึ่งตนก็ได้บอกกับครูไปว่าอย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก เรื่องนี้ครูสร้างขึ้นมาเองครูก็ต้องรับผิดชอบแก้ไขเอาเอง เพราะวิธีลงโทษเด็กนักเรียนมีตั้งหลายวิธี และถ้าเป็นลูกสาวของครูโดนทำแบบนี้บ้างครูจะรู้สึกอย่างไร
นอกจากนี้ยังได้บอกกับครูไปอีกด้วยว่า ที่มีข่าวนักเรียนผูกคอตาย กระโดดน้ำตาย ก็อาจจะเป็นเพราะคุณครูกระทำต่อเด็กเกินกว่าเหตุ จนทำให้เด็กเสียใจหรือเสียความรู้สึกเกินกว่าที่จะรับได้หรือไม่ ส่วนทางด้านสภาพจิตใจของลูกสาวนั้น ตอนนี้ก็ค่อนข้างปกติ แต่ก็ไม่รู้ว่าลึกๆ แล้วในใจจะเป็นอย่างไร
ขณะที่นายประเสริฐ สุวรรณชัยเลิศ ผู้อำนวยการโรงเรียนอุทัยวิทยาคม กล่าวว่าทางโรงเรียนไม่ได้นิ่งนอนใจ หลังทราบเรื่องก็ได้เข้าขอโทษและพูดคุยชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวกับผู้ปกครองและนักเรียนทุกรายแล้ว ส่วนครูต้นเรื่องนั้นทางโรงเรียนก็ได้กล่าวตักเตือนและชี้แนะให้ปรับวิธีการทำโทษเด็กนักเรียนแล้วด้วย รวมทั้งจะได้นำเรื่องเข้าที่ประชุมปรึกษาหารือเพื่อจะดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วนต่อไป
อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวนี้อาจจะเป็นการสื่อสารของทางครูและนักเรียนที่อาจจะเข้าใจไม่ตรงกัน โดยเบื้องต้นก็ได้เข้าไปขอโทษ ทั้งนักเรียนและผู้ปกครองในส่วนที่เกิดความไม่เข้าใจกัน ซึ่งทางโรงเรียนก็ได้รับคำแนะนำจากผู้ปกครองในบางส่วน ในเรื่องของการตรวจสอบระเบียบวินัย ตลอดจนข้อเสนอแนะต่างๆ ซึ่งทางโรงเรียนก็จะนำไปดำเนินการแก้ไขต่อไป
ส่วนของการตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงนั้น ทางโรงเรียนจะดำเนินการตั้งคณะกรรมการเพื่อสืบหาข้อเท็จจริงเป็นลำดับและเมื่อได้ข้อเท็จจริงแล้วก็จะดำเนินการตามกฎระเบียบของข้าราชการครูต่อไปด้วย