xs
xsm
sm
md
lg

แม่ค้าส้มตำดวงซวยเจอพิษโควิดต้องหยุดขาย ซ้ำโดนเพจตุ๋นทำธุรกิจขายชาสมุนไพรสูญเงินครึ่งแสน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บุรีรัมย์ - อดีตแม่ค้าส้มตำชาว อ.หนองกี่ โดนพิษโควิดต้องหยุดขาย เห็นเพจเชิญชวนทำธุรกิจชาสมุนไพร
หลงเชื่อโอนเงินมัดจำ 50,000 บาทถูกเชิดหนี พบมีคนตกเป็นเหยื่อกว่า 20 รายสูญเงินหลายล้าน ทั้งแจ้งความ
จ้างทนายฟ้องไม่สะทกสะท้านเปลี่ยนเพจใหม่หลอกคนไปเรื่อย เชื่อทำเป็นขบวนการ



วันนี้ (3 ก.พ. 65) น.ส.วงเดือน มงคลพิลา อายุ 36 ปี ชาว อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ อดีตแม่ค้าขายข้าวเหนียว ส้มตำ ได้นำเอกสารหลักฐานหน้าเพจเฟซบุ๊กที่โพสต์เชิญชวนทำธุรกิจออกมาร้องเรียนและเตือนภัยผ่านสื่อ หลังจากเมื่อช่วงเดือน ธ.ค. 2563 ได้เห็นเพจเพจหนึ่งระบุว่า “รับผลิตสินค้าและการตลาดครบวงจร” โพสต์เชิญชวนคนที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง จำพวกเซรัม ชา กาแฟ และเครื่องดื่มสมุนไพรเป็นแบรนด์ของตัวเองให้ติดต่อสอบถาม โดยผู้ที่สนใจไม่ต้องทำอะไรทางบริษัทจะดำเนินการให้เองทุกอย่าง ทั้งวัตถุดิบที่นำมาผลิต บรรจุภัณฑ์

รวมถึงการยื่นขออนุญาตต่างๆ เช่น อย. หรือชื่อแบรนด์สินค้า เพียงแค่จ่ายเงินมัดจำหลังทำสัญญา จากนั้นภายใน 3-6 เดือนก็จะได้รับสินค้าไปจำหน่ายเป็นของตัวเอง เมื่อขายผลิตภัณฑ์ได้แล้วก็ค่อยทยอยจ่ายเงินส่วนที่เหลืออีก 50 เปอร์เซ็นต์ ด้วยความที่ช่วงนั้นก็เจอพิษโควิดตลาดปิด จึงต้องหยุดขายข้าวเหนียว ส้มตำ ทำให้ไม่มีรายได้

ก็คิดอยากจะหาอาชีพอื่นทำ แต่ตอนแรกก็ยังไม่ได้เชื่อกลัวจะถูกหลอกเพราะที่ผ่านมาก็เห็นคนอื่นถูกหลอกร่วมลงทุนแบบนี้ จึงไม่ทำสัญญาผ่านออนไลน์


จากนั้นเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2563 จึงตัดสินใจขับรถยนต์ไปที่กรุงเทพฯ เพื่อดูว่ามีบริษัท หรือตัวตนคนที่เชิญชวนในเพจจริงหรือไม่ พอเดินทางไปตามที่อยู่แถวแขวงสายไหม ก็พบว่ามีบริษัทตั้งอยู่จริงจึงได้เข้าไปพูดคุยและตกลงทำสัญญากับทางพนักงานบริษัท หลังทำสัญญาเสร็จก็โอนเงินมัดจำล่วงหน้า 50,000 บาท เข้าบัญชีของนายบัญชา ซึ่งทางพนักงานบอกว่าจะได้รับสินค้าภายใน 6 เดือนหลังทำสัญญา

แต่พอถึงกำหนดกลับไม่ได้รับสินค้า ซึ่งเป็นชาสมุนไพร ตามที่ตกลง เมื่อทักไปสอบถามพนักงานคนที่ทำสัญญาก็บ่ายเบี่ยงอ้างโน่นอ้างนี่ไปเรื่อย

จนเริ่มไม่มั่นใจจึงได้ติดต่อขอเงินมัดจำคืน ซึ่งทางบริษัทก็รับปากว่าจะคืนให้ภายในวันที่ 30 พ.ย. 2563 แต่ผ่านไปหลายสัปดาห์ก็ยังไม่ได้เงินคืน วันที่ 20 ธ.ค. 2564 จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความที่ สภ.หนองกี่ แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ไม่สามารถติดต่อคนในบริษัทได้




จากข้อมูลพบว่ามีคนตกเป็นเหยื่อถูกหลอกเหมือนตนเองมากกว่า 20 ราย สูญเงินรายละ 50,000-200,000 บาท ซึ่งหลายคนก็ไปแจ้งความ บางคนก็จ้างทนายฟ้อง แต่กลุ่มคนดังกล่าวก็ไม่ได้เกรงกลัวหรือสะทกสะท้านอะไร กลับไปเปิดเพจใหม่หลอกลวงคนอื่นเรื่อยๆ

จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีต่อกลุ่มบุคคลดังกล่าว และอยากเตือนภัยคนอื่นว่าอย่าไปหลงเชื่อ เพราะทุกวันนี้มิจฉาชีพมีหลายรูปแบบ


กำลังโหลดความคิดเห็น