นครปฐม - เสธ.แก้ว ส.ส.นครปฐม ประสานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์นครปฐม ลงพื้นที่บรรเทาทุกข์ ประสานความช่วยเหลือคุณตาสำเริง พ่อเฒ่าวัย 73 ปี ชาวตำบลสระกระเทียม ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบ อาศัยเพิงริมถนนในชุมชนใช้ชีวิตเพียงลำพัง
เรื่องราวดังกล่าว พ.ท.ดร.สินธพ แก้วพิจิตร (เสธ.แก้ว) ส.ส.นครปฐม พร้อมด้วยคณะทำงานและกลุ่มเพื่อน เสธ.แก้ว ได้สำรวจความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่อำเภอเมืองนครปฐม หลังจากมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้พี่น้องประชาชนหลายอาชีพในพื้นที่ได้ประสบปัญหาอย่างหนัก โดยพบว่ากลุ่มผู้ยากไร้ ซึ่งมีความเดือดร้อนอยู่แล้วได้รับความเดือดร้อนเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ ซึ่งยังต้องการความช่วยเหลือในด้านต่างๆ จากหน่วยงานรัฐในช่วงวิกฤตของสถานการณ์โลกที่เกิดขึ้นมากว่า 3 ปี
พ.ท.ดร.สินธพ แก้วพิจิตร เผยว่า หลังจากได้มีการประสานงานของคณะทำงาน ร่วมกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครปฐม ซึ่งขณะนี้ได้มีกลุ่มคนใจบุญที่ขออาสาเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ในนามกลุ่มเพื่อนเสธ.แก้ว จึงได้เริ่มลงพื้นที่ไปพบกับ นายสำเริง ใจอารีย์ หรือคุณตาสำเริง อายุ 73 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72 ม.8 ตำบลสระกะเทียม อ.เมือง จ.นครปฐม
เนื่องจากมีข้อมูลว่า กำลังมีการอาการป่วยด้วยอาการเส้นเลือดในสมองตีบและมีอาการที่เพิ่มขึ้น โดยอาศัยเพิงริมถนนที่ชาวบ้านให้ใช้ที่ดินปลูกเป็นที่พัก ไม่มีห้องน้ำ ไม่มีไฟฟ้า ข้าวปลาอาหารมีผู้นำชุมชนและเพื่อนบ้านวนเวียนมาให้เป็นระยะ ซึ่งมีความยากลำบากในชีวิตเพราะเดินไม่ไหวต้องอาศัยไม้เท้าค้ำยันและขี่รถจักรยานสามล้อแบบมือโยกไปหาหมอ หรือเข้าห้องน้ำในพื้นที่
เสธ.แก้ว กล่าวว่า เบื้องต้นเราได้นำข้าวสารอาหารแห้ง มามอบให้คุณตาสำเริง เพื่อใช้ยังชีพ ทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครปฐม และกลุ่มเพื่อน เสธ.แก้ว ได้มอบเงินจำนวนหนึ่งสำหรับไว้เพื่อการเดินทางไปหาหมอและใช้ซื้อของที่จำเป็น ส่วนเรื่องสุขภาพได้ประสานผู้นำชุมชน ให้ช่วยเข้ามาดูแลและรายงานผลให้ทราบเพื่อการช่วยเหลือในระยะยาว และในสถานการณ์ปัจจุบัน พบว่า ยังมีพี่น้องประชาชนที่ยังห่วงใยดูแลกันในยามที่ใครบางคนได้รับความเดือดร้อน ซึ่งถือว่าสังคมของเรายังคงมีมิตรไมตรีและน้ำใจต่อกัน ซึ่งจากนี้จะเดินหน้าลงพื้นที่พบชาวบ้านที่เดือดร้อนในทุกเรื่องเพื่อนำข้อมูลมาหาทางช่วยเหลือให้สุดกำลังความสามารถ ทั้งในฐานะตัวแทนพี่น้องประชาชนและในฐานะลูกหลานนครปฐมคนหนึ่งด้วย
นายสำเริง หรือคุณตาสำเริง อายุ 73 ปี กล่าวว่า เดิมทีตนเองเป็นลูกของคนมีอันจะกินแต่พ่อเล่นพนันจนหมดตัว ที่ดินที่มีอยู่ก็ขายไปหมด ตนเองเริ่มออกไปทำงานเป็นชาวนาและรับจ้างก่อสร้างและรับจ้างทุกรูปแบบตั้งแต่สมัยหนุ่มซึ่งเคยมีภรรยาและลูก 3 คน แต่ช่วงที่แก่ชราได้เป็นคนงานอยู่ในพื้นที่ กระทั่งเมื่อ 7 ปีก่อน ตอนที่กำลังตัดหญ้าได้เกิดหน้ามืดล้มลง และมาทราบว่าเป็นเส้นเลือดในสมองตีบ โดยยกแขนขวาไม่ได้ เรี่ยวแรงหมดไม่ค่อยไหวเพราะเริ่มชรามากขึ้น
“เมื่อ 3 ปีก่อนผมอยู่ที่บ้านนายจ้าง แต่ผมป่วยหนักเขาไล่ออกมาจากที่พักเพราะกลัวจะไปนอนตายที่ทำงานเขา ผมได้เพื่อนบ้านให้ที่ดินอาศัยอยู่ ทุกวันนี้ข้าวปลาอาหารมีคนเอามาให้ ผมใช้ชีวิตไปวันๆ รอให้หมดลมหายใจ หลังจากผมป่วยลูกเมียก็ไปจากผมหมด ทุกวันนี้อยู่คนเดียว เมื่อก่อนยังพอเดินไหว แต่ตอนนี้เดินไม่กี่ก้าวจะเป็นลม ถามว่าท้อมั้ย ผมก็ท้อแต่ยอมก้มหน้ารับกรรม เพราะเราใช้ชีวิตวัยหนุ่มมาเยอะแล้ว ถึงตอนนี้โทษใครไม่ได้ วันนี้ดีใจที่ ส.ส. เข้ามาเยี่ยม มาดูแลทำให้ผมมีกำลังใจในชีวิตที่เหลือ ขอขอบคุณมากที่ไม่ลืมคนพิการ” คุณตาสำเริง กล่าว