xs
xsm
sm
md
lg

เปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชน ครั้งที่ 1 ประเมินผลกระทบโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวศรีราขา - กทท.จัดประชาพิจารณ์นัดแรกผลกระทบสิ่งแวดล้อม แผนพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ท่าเทียบเรือเอฟ หลังรัฐมีนโยบายส่งเสริมการลงทุน เพิ่มศักยภาพรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจพื้นที่ EEC

วันนี้ (29 ม.ค.) การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) จัดให้มีการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 ต่อโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังในระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือเอฟ โดยเฉพาะการนำเสนอผลการศึกษาและจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนอย่างรุนแรง

ทั้งนี้ ได้มีตัวแทนจากบริษัท จีพีซี อินเตอร์เนชั่นแนล เทอร์มินอล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบการท่าเทียบเรือเอฟ เข้าร่วมบรรยายสรุป โดยมีนายวิวัฒน์ มหาผลศิริกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย นางนางสิริมา กีรตยาคม นักบริหาร 14 ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ปฏิบัติงานที่ท่าเรือแหลมฉบัง นางรังษิยา กมลพนัส
ผู้ชำนาญการด้านสิ่งแวดล้อมบ.เอเซียแล็ป แอนด์ คอนซัลแตนท์ จำกัด  ผู้นำท้องถิ่น ประชาชนผู้มีส่วนได้เสีย และกลุ่มประมง รวมทั้งตัวแทน NGO เข้าร่วมที่อาคารอเนกประสงค์ โรงเรียนบ้านบางละมุง ต.บางละมุง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

นางรังษิยา กมลพนัส ผู้ชำนาญการด้านสิ่งแวดล้อม บริษัท เอเชีย แล็ป แอนด์ คอนซัลแตนท์ จำกัด  บริษัทที่ปรึกษาโครงการศึกษา กล่าวว่า โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 เป็นโครงการที่ดำเนินการโดยการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 เพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานท่าเรือและระบบโครงข่ายขนส่งต่อเนื่องที่จะต่อเชื่อมกับภายนอกให้เพียงพอต่อการรองรับการขยายตัวของปริมาณสินค้าเรือ และการขนส่งสินค้าประเภทต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที ไม่ให้ประสบปัญหาด้านความแออัดและกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

สำหรับโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเรือเอฟนั้น เป็นโครงการที่ กทท.ได้เปิดโอกาสให้เอกชนเข้าร่วมในการพัฒนาในรูปแบบการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน หรือ PPP ซึ่งมีระยะเวลาสัมปทาน 35 ปี สำหรับพัฒนาท่าเทียบเรือขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ บนพื้นที่ประมาณ 690 ไร่ โดยมีความยาวหน้าท่าเทียบเรือ 1,000 เมตร มีพื้นที่หน้าท่ากว้าง 34.5 เมตร ซึ่งจจะสามารถรองรับการขนถ่ายตู้สินค้าได้กว่า 4 ล้านทีอียูต่อปี และสามารถรองรับเรือขนส่งสินค้าขนาด 1.7 แสนเดดเวทตัน หรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ได้ 15,000 ตู้

อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวอาจมีผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมกับชุมชนโดยรอบ ซึ่งได้กำหนดพื้นที่การศึกษาของโครงการครอบคลุมรัศมี 5 กม. โดยจะครอบคลุมพื้นที่ 22 ชุมชน จาก 4 ตำบลใน 2 อำเภอของหวัดชลบุรี ได้แก่ ศรีราชา และบางละมุง จึงได้ทำการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวขึ้นเพื่อให้ข้อมูลกับผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่ศึกษา

รวมทั้งหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องได้รับทราบถึงรายละเอียดของโครงการ ผลการสำรวจและศึกษาแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมในด้านต่างๆ ทั้งทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพอนามัย คุณภาพชีวิตของประชาชน ก่อนจะรับฟังข้อเสนอแนะเพื่อรวบรวมนำไปแก้ไขปรับปรุง ก่อนกำหนดเป็นมาตรการเพื่อนำกลับมาจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นในครั้งที่ 2 และ 3 ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จเป็นร่างที่สมบูรณ์ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ จากนั้นจะได้นำเสนอต่อสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (สผ.) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ และเสนอเรื่องต่อรัฐบาลเพื่อจัดทำโครงการต่อไป














กำลังโหลดความคิดเห็น