บุรีรัมย์ - ช้างป่าดงใหญ่ 3 ตัวบุกพังกระท่อมหากินข้าวสาร ทำลายพืชสวนและผลไม้เกษตรกร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เสียหายยับ ลุงป้าเจ้าของสวนเผยเป็นครั้งที่ 4 แล้วที่ถูกช้างป่าบุกทำลายกระท่อมและผลไม้ บางครั้งนอนเฝ้าสวนอยู่ในกระท่อมต้องวิ่งหนีตายกลางดึก จนท.เร่งผลักดันกลับเข้าป่า
วันนี้ (29 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ตำบลปราสาท อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ว่ามีช้างป่าดงใหญ่ออกมาทำลายกระท่อมที่สำหรับนอนเฝ้าสวนผลไม้ และพืชสวน ผลไม้ที่ปลูกเอาไว้บริเวณใกล้กับอ่างเก็บน้ำช่องโอบกได้รับความเสียหาย และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 ในรอบปีที่ช้างป่าบุกเข้ามาทำลายข้าวของและพืชสวน ผลไม้ ได้รับความเดือดร้อน
จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบว่าบริเวณที่เกิดเหตุเป็นสวนผลไม้ของ นางพิมพ์ ยามดี อายุ 63 ปี และสามี ซึ่งจากการตรวจสอบก็พบว่ากระท่อมที่สร้างไว้สำหรับนอนเฝ้าสวนถูกช้างป่าทำลายเสียหายเกือบทั้งหลัง ข้าวของในกระท่อมกระจัดกระจาย โดยเฉพาะถุงข้าวสารกระจายเกลื่อน คาดว่าช้างป่าน่าจะได้กลิ่นข้าวสารจึงพังกระท่อมเพื่อเข้ามากินข้าวสาร ทั้งยังมีห้องน้ำถูกช้างป่าพังเสียหายด้วย นอกจากนั้นยังพบต้นมะพร้าวขนาดใหญ่ถูกล้ม และต้นกล้วยถูกทำลายเสียหายอีกจำนวนหลายต้นด้วย
นางพิมพ์ ยามดี เจ้าของสวน บอกว่า ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 ในรอบปีที่ช้างป่าออกมาทำลายกระท่อม พืชสวนและผลไม้ภายในสวนได้รับความเสียหาย ส่วนใหญ่จะมากลางคืน มีคืนหนึ่งตนนอนอยู่ในกระท่อมเพื่อเฝ้าสวนจู่ๆ ช้างป่าก็บุกเข้ามา ไม่รู้จะทำยังไงได้แต่เคาะสังกะสีให้เสียงดังแล้วพูดบอกว่ามีคนอยู่ในบ้านอย่าทำอันตรายเลย แต่ช้างไม่ยอมหยุดจึงจำเป็นต้องวิ่งหนีตายลัดป่าเข้าไปในหมู่บ้าน ซึ่งแต่ละครั้งเสียหายหลักหมื่นบาท โดยเฉพาะกระท่อมต้องซื้ออุปกรณ์และจ้างช่างมาซ่อมทุกครั้งจนแทบจะไม่มีเงินซ่อมแล้ว แต่ไม่รู้จะทำยังไง ทุกครั้งที่ช้างป่าเข้ามาได้แค่แจ้งเจ้าหน้าที่มาช่วยผลักดันช้างป่า และสำรวจความเสียหายเท่านั้น อยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยหาวิธีป้องกันไม่ให้ช้างป่าออกมาทำลายทรัพย์สินและพืชสวน ผลไม้ด้วย
ขณะที่เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังป้องกันช้างป่า ได้นำคลิปที่มาสำรวจและผลักดันช้างป่าในสวนของลุงกับป้าคืนดังกล่าวให้ดู ซึ่งขณะเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบความเสียหายและผลักดันช้างป่า ยังพบช้างป่า 3 ตัวเดินวนเวียนอยู่ใกล้ๆ กระท่อมภายในสวนที่เกิดเหตุ เนื่องจากในกระท่อมยังมีข้าวสารเหลืออยู่ แต่เจ้าหน้าที่พยายามผลักดันให้กลับคืนสู่ป่า พร้อมแจ้งชาวบ้านว่าหากไม่จำเป็นไม่ควรนำข้าวสารมาเก็บไว้ในกระท่อม เพราะจะมีกลิ่นหอมดึงดูดช้างป่า เจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวนเฝ้าระวังป้องกันอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากพื้นที่ป่าค่อนข้างกว้างจึงไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง
