xs
xsm
sm
md
lg

ร้านขายยาภาคกลางตอนบนยื่นหนังสือถึงกระทรวงสาธารณสุข แก้ปัญหาจาก พ.ร.บ.ยา ปี 2510 และกฎหมายลูกล้าสมัย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




ลพบุรี
- ร้านขายยาลพบุรีต้องปิดร้านนาน 3 วันแล้ว วิตกกังวลหลังจากตำรวจ ปคบ. เข้าจับกุมร้านขายยาทั่วประเทศ ชมรมร้านขายยาภาคกลางตอนบน ยื่นหนังสือถึงกระทรวงสาธารณสุข แก้ไขปัญหาจาก พ.ร.บ.ยา ปี 2510 และกฎหมายลูกล้าสมัย


จากกรณีเมื่อวันที่ 4-21 ม.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคบ. ได้เข้าจับกุมร้านขายยาทั่วประเทศตามข่าวที่มีการนำเสนอไปแล้วนั้น มีผลให้ร้านขายยาในจังหวัดลพบุรี เกิดความวิตกกังวล เพราะเดิมร้านขายยาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ สสจ.แต่ละจังหวัด ซึ่งโดยปกติจะมีการตรวจร้านขายยาเป็นประจำทุกปี มีการทำงานร่วมกันกับสมาคม หรือชมรมร้านขายยาแต่ละจังหวัด โดยเน้นการห้ามจำหน่ายยาที่มีผลกระทบและอันตรายต่อผู้บริโภค เช่น ยาแก้ไอเบนาดิล ยาแก้ปวด ทรามาดอล เมื่อ ปคบ. บังคับใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นปัญหาจาก พ.ร.บ.ยา ปี 2510 และกฎหมายลูกล้าสมัย ไม่ทันกับสถานการณ์ปัจจุบัน จึงทำให้เราเกิดความวิตกกังวล

เภสัชกรหญิงสุทธินีย์ คงเดช โฆษกสมาคมและชมรมร้านขายยาภาคกลางตอนบน ได้เปิดแถลงข่าวถึงเรื่องที่ร้านยาในเขต อ.เมืองลพบุรี ส่วนใหญ่ต้องปิดร้านมาเป็นเวลา 3 วันแล้ว เพราะว่าเมื่อวันที่ 27 ม.ค. ตนเอง คณะกรรมการสมาคม และชมรมร้านขายยาภาคกลางตอนบนที่มีสมาชิกร้านขายยา 9 จังหวัด ได้เข้าพบคณะกรรมาธิการสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข เพื่อยื่นข้อเสนอให้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับร้านขายยา ซึ่งออกมาตั้งแต่ปี 2510 และกฎหมายลูก ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

ซึ่งในครั้งนี้ได้ยื่นข้อเสนอต่อคณะกรรมาธิการ โฆษกสมาคมยังได้กล่าวต่อไปอีกว่า ในขณะนี้ร้านขายยาประสบปัญหาเรื่องเภสัชกรเป็นอย่างมาก อย่างเช่นในเขต จ.ลพบุรี ซึ่งมีร้านขายยากว่า 140 ร้าน แต่มีเภสัชกรที่ประจำอยู่ร้านไม่เกิน 30 คน และต้องเปิดเวลา 17.00 น.ถึง 20.00 น. นอกจากนี้ แต่เดิมเปิดจำหน่ายยาประเภทควบคุมพิเศษที่ประชาชนใช้เป็นประจำ โดยผู้จำหน่ายยาสามารถขายได้ แต่ขณะนี้ต้องให้เภสัชกรเท่านั้นเป็นผู้จำหน่าย ซึ่งปกติแล้ว ทางร้านขายยาจะทำงานร่วมกับสาธารณสุขจังหวัดอยู่แล้ว การจำหน่ายยาเป็นไปตามกฎข้อบังคับ แต่การที่ ปคบ.ลงมาตรวจและจับกุมร้านยาในครั้งนี้ ทาง ปคบ.ไม่ได้ประสานกับสาธารณสุข ซึ่งเป็นผู้ดูแลร้านยา ก่อนเลย

สำหรับข้อเสนอที่นำเสนอคณะกรรมาธิการสาธารณสุข จำนวน 6 ข้อด้วยกันคือ ขอให้มีการแก้ไข พ.ร.บ.ยาปี 2510 และกฎหมายลูกให้สอดคล้องและเหมาะสมโดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชน และการเข้าถึงสาธารณสุขให้เป็นไปได้ตามสถานการณ์ปัจจุบัน และมีประโยชน์สูงสุดกับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย การจัดประเภทของกลุ่มยาสามัญประจำบ้าน ยาอันตราย ยาควบคุมพิเศษให้สอดคล้องกับความเป็นจริงของการใช้ยาของผู้บริโภค เพราะยาบางชนิดจำเป็นต้องใช้เร่งด่วน แต่อยู่ในสถานนะยาควบคุมพิเศษซึ่งไม่สามารถเข้าถึงได้ทันท่วงที ทั้งที่ยากลุ่มนี้ได้รับมาจากโรงพยาบาล ซึ่งมีชื่อ ปริมาณการใช้ ระบุมาอย่างชัดเจน

กรณียาที่ต้องมีใบสั่งแพทย์ ให้สามารถทำได้หากคนไข้มีประวัติการรับยานี้มาแล้วจากโรงพยาบาล เพียงแต่ร้านต้องเก็บประวัติการจ่ายยาไว้ให้สามารถตรวจสอบได้ แก้ไขแนวทางและเวลาในการปฏิบัติหน้าที่ของเภสัชกรในร้านขายยา สามารถใช้การสื่อสารหรือให้คำแนะนำผ่านไลน์ แอปพลิเคชัน เหมือนกรณีหมอดูแลคนไข้โควิด การพัฒนาบุคลากร ขอให้จัดหลักสูตรเพื่อส่งเสริมพนักงาน เจ้าของกิจการร้านยาให้มีความรู้ความสามารถเพียงพอในการให้บริการเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคในการเข้ารับบริการ และออกใบรับรองผู้เข้ารับการอบรมเพื่อนำมาใช้ในจริง เจ้าของร้านยาบางแห่งจบการศึกษามาทางด้านวิทยาศาสตร์ในสาขาที่เกี่ยวกับสุขภาพ การส่งเสริมให้ได้รับปริญญาต่อเนื่องทางเภสัช ต่อยอดจากวุฒิเดิมเป็นช่องทางในการแก้ไขการขาดแคลนเภสัชกร ซึ่งจะเพิ่มเภสัชกรแบบเต็มเวลาได้อีกแนวทางหนึ่ง

ส่วนร้านขายยาจะปิดต่อหรือไม่นั้น ต้องหารือกับทางสมาคมอีกครั้ง และทางร้านขายยาเข้าใจดี ถ้าปิดร้านขายยาต่อไปชาวบ้านต้องได้รับความเดือดร้อน และในขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และที่สำคัญ ที่ ปคบ.จับกุมร้านยาไปจำนวน 127 ร้านนั้นไม่ทราบว่าร้านขายยาผิดอะไร เพราะทาง ปคบ.ไม่ได้แถลง หรือแจ้งให้ทางสมาคมทราบแต่อย่างใด








กำลังโหลดความคิดเห็น