อุบลราชธานี - งานเข้า! เทศบาลนครอุบลราชธานีทาสีทางม้าลายใหม่วันเดียว แม่ค้าเอาโต๊ะไปวางขายของทับเส้นทางม้าลายจนเกิดกระแสดรามา เทศบาลฯ ยอมรับเป็นข้อตกลงที่อนุโลมให้คนในชุมชนนำรถเข็นวางของกินขายได้ในช่วงเช้า แต่ห้ามทับเส้นม้าลายเด็ดขาด หากฝ่าฝืนก็ต้องถูกจับปรับ
จากกระแสนายสิบตำรวจซิ่งรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์พุ่งชนแพทย์หญิงจนเสียชีวิต ขณะเดินข้ามทางม้าลายในกรุงเทพฯ น.ส.พิศทยา ไชยสงคราม นายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี ซึ่งมีการจราจรหนาแน่นช่วงชั่วโมงเร่งด่วน มีนโยบายให้สำนักช่างเทศบาลนำสีแดง ขาว มาทาบริเวณทางม้าลายเดิมที่ลบเลือนจากสภาพการใช้งาน และเปลี่ยนจากสีขาว ดำ เป็นขาวแดง ให้ผู้ใช้ถนนมองเห็นได้เด่นชัดจากระยะไกลเพื่อหยุดรถให้คนเดินเท้าได้ทันลดการเกิดอุบัติเหตุและโศกนาฏกรรมทางถนน
โดยเริ่มในจุดที่มีรถวิ่งหนาแน่น เช่น หน้าโรงพยาบาลประจำจังหวัด หน้าโรงเรียน และสถานศึกษาเป็นลำดับแรก ก่อนจะขยายไปทั่วเขตเทศบาลภายในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ต่อมาได้มีการแชร์ภาพพ่อค้าแม่ค้ามาตั้งโต๊ะขายอาหารในช่วงเช้า บริเวณทางข้ามทางม้าลายที่เทศบาลนครอุบลฯ เพิ่งทาสีใหม่ คนละฝั่งกับหน้าโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์
จากการสอบถามทั้งพ่อค้าแม่ค้าและผู้อยู่อาศัยในบริเวณนั้นระบุว่า มีการค้าขายทั้งรถเข็น และเอาโต๊ะมาตั้งในช่วงเช้าแก่ญาติที่มาเฝ้าไข้ หรือให้คนไข้ที่มาหาหมอ และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลมานานหลายสิบปี
โดยจะขายตั้งแต่เช้ามืดถึงไม่เกิน 1 โมงเช้า ซึ่งเป็นการอนุโลมให้คนชุมชนรอบโรงพยาบาลประกอบอาชีพและให้บริการแก่ผู้ต้องการซื้อของไปกิน
ส่วนกรณีที่มีการนำโต๊ะมาวางทับเส้นทางม้าลาย ก็เป็นที่เดิมที่ทางม้าลายลบเลือนหายไป และแม่ค้ารายนี้เคยขายของมาก่อน เมื่อมีการทาสีให้เห็นชัดเจนคงมาวางขายทับไม่ได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคงเป็นวันแรกที่แม่ค้าไม่รู้ และการที่เทศบาลทาสีใหม่ก็เป็นเรื่องดีมาก เพราะบริเวณนี้ จะมีคนพลุกพล่านเดินข้ามถนนตลอดทั้งวัน
ด้านนายธรธรรม์ ชินโกมุท
รองนายเทศมนตรีนครอุบลราชธานี กล่าวถึงกรณีนี้ว่า มีข้อตกลงระหว่างเทศบาลฯ กับคนชุมชนหน้าโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อนุโลมให้รถเข็นขายอาหารได้ในช่วงเช้าถึงตอนสาย เพื่อให้ประกอบอาชีพได้ แต่กรณีมาวางของทับเส้นทางม้าลายถือว่าผิดกฎหมายจราจร
เจ้าหน้าที่ได้เปรียบเทียบปรับไป 500 บาท และขอให้เว้นทางม้าลายเอาไว้ ห้ามตั้งขายของเด็ดขาด
ด้าน น.ส.ศศิกาญจน์ ชาวทอง
ผู้ใช้ทางม้าลาย กล่าวว่า เป็นเรื่องดีที่เทศบาลฯ มาทาสีทางม้าลายใหม่ให้เห็นเด่นชัด แต่ก็ขึ้นกับจิตสำนึกของคนขับรถ เพราะบางครั้งคนขับรถเห็นคนรอข้ามถนนแต่ไม่หยุดรถก็เกิดบ่อย จึงขึ้นกับจิตสำนึกมากกว่า และอนาคตอยากให้เทศบาลฯ ทำสัญญาณไฟให้คนข้าม จะได้ชัดเจนยิ่งขึ้นอีก