xs
xsm
sm
md
lg

สูญหลายร้อยล้าน! เหยื่อถูกหลอกจ่ายเงินจองเปิด “ร้านสะดวกซื้อ” แห่แจ้งจับประธานโครงการฯ แสบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บุรีรัมย์ - ตัวแทนบริษัทบายสมาร์ทพลัส ที่ถูกแอบอ้างชื่อไปหลอกลวงลูกค้าและผู้เสียหายจากหลายจังหวัดแห่แจ้งความที่ สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ให้ดำเนินคดีต่อ “บอส” ประธานโครงการฯ หลอกลวง ปชช.ให้จ่ายเงินจองเปิดร้านสะดวกซื้อออนไลน์ แฉมีหมายจับอื้อแต่ยังลอยนวลไปตั้งบริษัทสร้างนอมินีหลอกลวงไม่หยุด คาดทั่วประเทศตกเป็นเหยื่อกว่า 1,000 คน เสียหายหลายร้อยล้าน

วันนี้ (25 ม.ค.) น.ส.ผกาเกศ หล้าคำ ตัวแทนบริษัท บายสมาร์ท พลัส ที่ได้รับความเสียหายจากการถูกแอบอ้างชื่อบริษัทไปหลอกลวงประชาชน รวมถึงผู้เสียหายจากหลายจังหวัดทั้งภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคอีสานเกือบ 30 คน ที่ถูกหลอกให้ร่วมจองเปิดชอปหรือร้านสะดวกซื้อออนไลน์ สูญเงินไปรายละหลักหมื่นถึงหลักแสนบาท ได้เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เพื่อให้ดำเนินคดี นายสิทธวีย์ หรือบอส (ขอสงวนนามสกุล) ประธานโครงการร้านสะดวกซื้อออนไลน์


โดยกล่าวหาว่านายสิทธวีย์มีพฤติกรรมแอบอ้างใช้ชื่อบริษัทไปหลอกลวงชักชวนให้เพื่อน คนรู้จัก และประชาชนทั่วไป เข้าร่วมโครงการร้านสะดวกซื้อออนไลน์ ซึ่งหากใครสนใจจะต้องจ่ายเงินจองล่วงหน้าตามขนาดไซส์ชอปที่จะเปิด มีคนหลงเชื่อจ่ายเงินจองรายละตั้งแต่ 20,000-120,000 บาท คาดว่าทั้งประเทศมีประชาชนตกเป็นเหยื่อจ่ายเงินจองเปิดชอปแก่นายสิทธวีย์ มากกว่า 1,000 คน คาดว่ามูลค่าความเสียหายหลายร้อยล้านบาท

น.ส.ผกาเกศ ตัวแทนบริษัท กล่าวว่า ที่ตัวแทนบริษัท และผู้เสียหายพากันเดินทางมาที่ สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ในวันนี้เนื่องจากทราบว่านายสิทธวีย์ได้ถูกจับกุมตามหมายจับ คดีขับรถขณะมึนเมา และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินเสียหายตามหมายจับศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ในท้องที่ จ.ขอนแก่น แล้วถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.นางรอง ท้องที่เกิดเหตุ จึงได้เดินทางมาเพื่อแจ้งความเอาผิดนายสิทธวีย์ ฐานแอบอ้างชื่อบริษัททำให้เสียหาย และฉ้อโกงประชาชน ทั้งอยากให้นายสิทธวีย์ชดใช้เงินคืน และขอให้พนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบว่านายสิทธวีย์มีหมายจับคดีฉ้อโกงหรือไม่ หากมีก็ขอให้มีการอายัดตัวไว้เพราะเกรงว่าจะหลบหนี เพราะจากที่ให้ทนายความตรวจสอบทราบว่านายสิทธวีย์มีหมายจับหลายคดี แต่ยังไม่ได้ถูกดำเนินคดี กลับเปลี่ยนชื่อเปิดบริษัทใหม่แล้วไปหลอกลวงประชาชนอยู่อย่างต่อเนื่อง จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีนายสิทธวีย์ตามกฎหมายให้ถึงที่สุดเพื่อจะได้ไม่ไปหลอกลวงสร้างความเดือดร้อนแก่บุคคลอื่นอีก


ขณะที่ นายเอกวิศิษฏิ์ จันทะมานน ชาว จ.ปทุมธานี หนึ่งในผู้เสียหาย บอกว่า ที่ผู้เสียหายส่วนใหญ่หลงเชื่อนายสิทธวีย์ เพราะใช้ชื่อบริษัทแอบอ้าง ทั้งมีการโฆษณาชวนเชื่อหลายอย่าง ทั้งข้อเสนอและผลตอบแทนที่จูงใจ อีกทั้งหลายคนอยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจร้านสะดวกซื้อเป็นของตนเอง จึงหลงเชื่อจ่ายเงินจองเปิดชอปล่วงหน้าไป เฉพาะตนเอง ภรรยา และลูกสาว ก็จองไป 3 ชอป ชอปละ 50,000 บาท รวมเป็น 150,000 บาท ทั้งนี้ หากใครไปชักชวนญาติพี่น้องหรือคนรู้จักมาร่วมเป็นสมาชิกได้อีกจะได้ค่าคอมมิชชันเพิ่มอีก ตนจึงไปชักชวนคนที่รู้จักทั้ง จ.เพชรบูรณ์ นนทบุรี ระยอง ยโสธร และอีกหลายจังหวัด มาร่วมเป็นสมาชิกมากกว่า 20 คน หลังจากจ่ายเงินไปตั้งแต่ปี 2563 จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครได้เปิดร้านสะดวกซื้อ หรือได้ค่าคอมมิชชันตามที่นายสิทธวีย์กล่าวอ้างแม้แต่คนเดียว จึงเชื่อว่าเป็นการหลอกลวงแน่นอน จึงได้พากันมาแจ้งความให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ส่วนนายสิทธวีย์ ขณะนี้ยังถูกควบคุมตัวอยู่ที่ สภ.นางรอง เพื่อรอพนักงานสอบสวนส่งฟ้องที่ศาลนางรองในคดีขับรถขณะมึนเมา และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินเสียหายในวันพรุ่งนี้ ส่วนหมายจับคดีฉ้อโกงหรือคดีอื่นนั้นยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ








กำลังโหลดความคิดเห็น