xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าของสวนผักนครปฐมวอน "ลุงตู่" ปรับลดต้นทุนน้ำมันส่งผลราคาปุ๋ยแพง เกษตรกรไม่มีความสุขแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นครปฐม - เจ้าของสวนผัก และบ่อตกปลาชื่อดังในจังหวัดนครปฐม โอดค่าปุ๋ยและเคมีการเกษตรถีบตัวสูง สวนทางกับราคาพืชผักตกต่ำหนัก วอนนายกฯ ตู่ ช่วยแก้ไขปัญหาด่วน โดยเฉพาะราคาน้ำมันคือตัวแปรสำคัญของสินค้าในตลาด บอกทุกวันนี้เกษตรกรไม่เคยมีความสุข

วันนี้ (23 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จังหวัดนครปฐม เกษตรกรในจังหวัดนครปฐม มีกระแสของเรื่องปุ๋ยและสินค้าเคมีภัณฑ์ ทางการเกษตรได้มีการปรับตัวสูงขึ้น โดยเกษตรกรได้มีการพูดถึงเรื่องดังกล่าวมากขึ้นหลังจากเริ่มแบกรับภาระต้นทุนไม่ไหวและเริ่มมีการแจกและตัดผักที่ปลูกไว้ไปบ้างแล้ว

นายธรรมนูญ ลาภสุขกิจกุล หรือลุงเอก อายุ 60 ปี เจ้าของบ่อตกปลาลุงเอก และสวนผักลุงเอก ในพื้นที่ ม.8 ต.ห้วยพระ อ.ดอนตูม จ.นครปฐม กล่าวว่า ตนเองเป็นเกษตรกรที่ปลูกผักมานานกว่า 26 ปีแล้ว โดยปลูกบนเนื้อที่กว่า 40 ไร่ พร้อมทั้งเปิดบ่อตกปลาขนาดใหญ่เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวให้มาท่องเที่ยวเชิงเกษตรและอนุรักษ์ในพื้นที่ โดยปกติตนเองจะปลูกผักประเภท ผักกวางตุ้ง ผักกวางตุ้งไต้หวัน ผักกาด ผักชี และอีกหลายชนิด ซึ่งในช่วงก่อนปีใหม่เมื่อราวเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ราคาผักชีพุ่งสูงถึงกิโลกรัมละ 400 บาท แต่เกษตรกรจะขายหน้าสวนที่ กิโลกรัมละ 250 บาท

หลังจากปีใหม่มีคนนิยมปลูกกันมากขึ้น ทำให้ราคาลดลงเหลือกิโลกรัมละ 20 บาทเท่านั้น จนขณะนี้ต้องแจกฟรีให้คนที่อยากได้ไปรับประทาน และตัดทิ้งไปแล้ว เพราะจะเรียกคนงานมาช่วยกันตัดขายยิ่งขาดทุนหนัก ส่วนผักกวางตุ้ง จากราคาถุงหนึ่ง 5 กิโลกรัม จะขายในราคา 60-90 บาท ในช่วงก่อนปีใหม่ ขณะนี้เหลือราคาเพียง 15 บาท ผักขม จากถุงละ 30-60 บาท ลดลงเหลือถุงละ 15 บาท

ลุงเอก บอกอีกว่า การปลูกผักจะถูกกำหนดโดยพ่อค้าคนกลางที่จะสั่งออเดอร์ว่าต้องการผักอะไร ถ้าปลูกไม่ตรงกับความต้องการของตลาดจะไม่มียอดสั่งซื้อ ซึ่งเรากำหนดอะไรไม่ได้ และยังต้องมาเจอปัญหาหนักในช่วงนี้คือราคาปุ๋ยที่แพงขึ้น จากราคากระสอบละ 600-700 บาท ปัจจุบันสูงขึ้นถึง 1,300 บาท เคมีภัณฑ์ที่เพิ่มฮอร์โมน จาก 100 บาท ขยับเป็น 300 บาท ส่วนกลุ่มสารเคมีที่กำจัดวัชพืช ที่รัฐห้ามใช้ จากราคา 400 บาท ปรับราคาเป็น 1,150 บาท ซึ่งสารที่ทดแทนกันได้จาก 4 ลิตร ราคา 300-400 บาท ปรับราคาเป็น 1,150 บาท ทุกอย่างสวนกับต้นทุนที่เกษตรกรต้องแบกรับเอาไว้

"ผัก 1 ถุง 5 กิโลกรัม ราคา 15 บาท จะมีค่าแรงต่อถุง คือ 8 บาท ค่าถุง 2.50 บาท คนงานจะหาได้จากคนสูงอายุ เพราะคนวัยรุ่นไม่รับงานแบบนี้เขาจะไปทำงานโรงงานกันหมดซึ่งเราจ่าย 300 บาทต่อวันไม่รวมน้ำดื่ม ซึ่งขณะนี้ทุกอย่างแพงขึ้นหมด ทั้งเนื้อหมูจากราคา 110 บาทต่อกิโลกรัม ราคาตอนนี้ไปถึง 250-300 บาท แล้วอาหารปลาที่ใช้เลี้ยงปลาในบ่อตกปลา ราคาขยับจากกระสอบละ 270 บาท เป็น 310 บาท คือทุกอย่างแพงขึ้นทั้งหมด แต่ผลผลิตของเราต่ำสุด

“อยากฝากเรื่องสินค้าราคาแพงไปยังนายกรัฐมนตรี ช่วยหาวิธีการจัดการอย่างไรให้ราคาสินค้าลดลง ซึ่งสิ่งที่เป็นพื้นฐานคือราคาน้ำมัน พอน้ำมันขึ้นทุกอย่างแพงหมด ปุ๋ย เคมีภัณฑ์ก็แพง จึงอยากฝากเสียงเล็กๆ จากลุงเอกไปถึงลุงตู่ ว่า ช่วยเห็นใจเกษตรกรด้วย เพราะค่าครองชีพมันสูงขึ้นจริงๆ ไหนเราจะต้องแบกภาระค่าหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ น้ำยาฆ่าเชื้อที่เราต้องแบกไว้ทุกอย่าง ล้วนเป็นความทุกข์ของเกษตรกร”












กำลังโหลดความคิดเห็น