ศูนย์ข่าวศรีราชา - เจ้าของพูลวิลล่าพัทยาโต้เดือดเอเยนซีท่องเที่ยวทำสัญญาเช่าบ้านแบบรายปี แต่สุดท้ายเบี้ยวจ่ายค่าเช่า ติดค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าดูแลสระ จนบ้านเสียหาย สุดท้ายต้องพร้อมใจปิดบ้านยกเลิกสัญญา เผยเสียหายหลายล้านบาทเช่นกัน
จากกรณีที่ น.ส.จุฑารัตน์ ขาวโกมล กรรมการผู้จัดการ บริษัท คัลเลอร์ โอเชี่ยน จำกัด ได้นำทีมทนายความเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหลังถูกชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเรื่องการเปิดให้บริการรับจองที่พักแบบพูลวิลล่าในพื้นที่เมืองพัทยา และอำเภอใกล้เคียงใน จ.ชลบุรี แต่เมื่อเข้าพักจริงกลับพบว่าบ้านที่ได้เข้าพักไม่เป็นไปตามที่ตกลงกัน จึงเข้าข่ายหลอกลวง หรือฉ้อโกงผู้บริโภค
พร้อมอ้างว่าสาเหตุที่บ้านพักซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าพักไม่ตรงปกตามที่ลงโฆษณาไว้เป็นเพราะเจ้าของบ้านพักแบบพูลวิลล่ากว่า 30 หลังปิดล็อกประตูห้ามเข้าใช้ประโยชน์ ทั้งๆ ที่เจ้าของบ้านทำสัญญาเช่ากับทางบริษัทฯ ไว้อย่างถูกต้องแบบรายปี เฉลี่ยค่าเช่าตั้งแต่ 35,000-60,000 บาทต่อเดือน
และยังแจ้งอีกว่า ที่ผ่านมาบริษัทฯ ไม่ได้กระทำผิดสัญญา เพียงแต่อาจมีการโอนเงินค่าเช่าล่าช้านั้น ซึ่งการเปิดแถลงข่าวดังกล่าวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ใช้บริการ และยังได้มอบหมายให้ทีมทนายความดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญากับเจ้าของบ้านพูลวิลล่านั้น
วันนี้ (14 ม.ค.) กลุ่มเจ้าของบ้านพักพูลวิลล่า และผู้ดูแลบ้านพักกว่า 10 ราย รวมกว่า 20 หลัง นำโดย นางจิรัชฐา ปู่พงพระ นางสุชญา แซ่ลิ่ม และนางการันตี อุทาโย ได้รวมตัวกันชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสื่อมวลชน พร้อมระบุว่า กลุ่มเจ้าของบ้านพูลวิลล่าที่ถูกกล่าวอ้างถึงได้รับความเสียหายจากการเปิดแถลงข่าวของบริษัท คัลเลอร์ โอเชี่ยน จำกัด ที่มีการแถลงข่าวในลักษณะใส่ความและให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
และยังบอกอีกว่า ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ติดต่อขอเช่าบ้านพักพูลวิลล่าโดยมีค่าเช่าแต่ละหลังแตกต่างกันไปแล้วแต่ขนาดและสิ่งอำนวยความสะดวก แต่ปรากฏว่าตลอดระยะเวลาการเช่าบริษัทฯ ได้ติดค้างค่าเช่าบ่อยครั้ง อีกทั้งยังมีการขอแบ่งชำระเงินเป็นงวด แต่สุดท้ายไม่ทำตามเวลาที่กำหนด และยังติดค้างค่าน้ำ ค่าไฟ และการดูแลบ้านจนได้รับความเสียหาย
นางจิรัชฐา ปู่พงพระ แจ้งว่า พวกตนได้ทำสัญญาให้เช่าบ้านกับบริษัทดังกล่าวมาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2564 ซึ่งในช่วงแรกมีการชำระค่าเช่าตรงตามกำหนด แต่เมื่อผ่านไปสักระยะจึงเริ่มมีปัญหา และเริ่มมีการขอผัดผ่อนแบ่งชำระค่าเช่าเป็นงวดๆ โดยอ้างว่าประสบปัญหาบางอย่าง โดยเฉพาะเรื่องการระบาดของโรคโควิด-19
“เจ้าของบ้านพักส่วนใหญ่ยินดีเจรจาด้วย แต่สุดท้ายทางบริษัทฯ ไม่ได้ทำตามสัญญากระทั่งค้างค่าเช่าเกินกำหนดสัญญาที่วางไว้คือต้องไม่เกิน 2 เดือน เมื่อทางเจ้าของบ้านพยายามประสานงานไปไม่สามารถติดต่อได้ จนต้องพากันปิดล็อกประตูบ้านพัก ซึ่งกรณีนี้ทำให้เจ้าของบ้านพักได้รับความเสียหายรวมเป็นเงินหลายล้านบาทจากจำนวนบ้านพักพูลวิลล่ากว่า 20 หลัง”
เช่นเดียวกับ นางสุชญา แซ่ลิ่ม ที่กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนเองได้รับมอบอำนาจให้ดูแลบ้านพักแทนเจ้าของตัวจริง จึงขอยืนยันว่าที่ผ่านมา บริษัทฯ กระทำการผิดสัญญากับผู้ให้เช่าก่อน โดยเฉพาะกรณีการชำระค่าเช่ารายเดือนจนได้รับความเสียหาย ซึ่งสาเหตุที่ต้องรวมกลุ่มกันแสดงหลักฐานและชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อต้องการให้ สังคมได้รับรู้ข้อมูลจากฝั่งเจ้าของบ้านพักพูลวิลล่าเพื่อความเป็นธรรม