บุรีรัมย์ - แม่ค้าชาวเฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ โวยกลับจากขายของตลาดตอนค่ำพบบ้านถูกตัดไฟฟ้าไม่แจ้งล่วงหน้า ทั้งที่พ่อแม่ป่วยและลูกพิการอยู่ในบ้าน ยอมรับค้างค่าไฟเพราะช่วงโควิดขายของไม่ค่อยได้ แต่น่าจะแจ้งล่วงหน้าและไม่ควรมาตัดตอนเย็นทำเดือดร้อนต้องอยู่ในความมืด
วันนี้ (28 ธ.ค.) นางลักษณา แสงสุข อายุ 47 ปี แม่ค้าชาว ต.ตาเป๊ก อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ออกมาโวยแสดงความไม่พอใจพนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หลังกลับจากขายของที่ตลาดช่วงเกือบ 6 โมงเย็น แล้วพบว่าที่บ้านได้ถูกยกมิเตอร์ไฟฟ้าโดยที่พนักงานไม่ได้แจ้งล่วงหน้า ทั้งที่ในบ้านมีพ่อแม่นอนป่วย และลูกพิการทางสมองอาศัยอยู่ ส่วนลูกอีกคนต้องอ่านหนังสือสอบ ทำให้ได้รับความเดือดร้อนไม่มีไฟฟ้าใช้
จากนั้นจึงรีบเดินทางไปที่สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แต่เนื่องจากเป็นเวลาปิดทำการแล้ว เจ้าหน้าที่จึงให้จ่ายเงินแบบนอกเวลาทำการ ซึ่งยอดค่าไฟจำนวน 2,244.52 บาท และค่าต่อกลับการใช้ไฟฟ้าอีก 107 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,351.52 บาท เมื่อจ่ายเงินค่าไฟเสร็จเจ้าหน้าที่กลับบอกว่าให้รอประมาณ 2 ชั่วโมงถึงจะไปติดตั้งหม้อให้ ซึ่งตนบอกว่ารอไม่ได้เพราะในบ้านมีคนชรานอนป่วยและลูกพิการซึ่งจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้า
แต่เจ้าหน้าที่ยังยืนยันเหมือนเดิม ทำอะไรไม่ได้ต้องกลับมารอที่บ้านแล้วจุดเทียนเพื่อเป็นแสงสว่างรอเจ้าหน้าที่มาติดมิเตอร์ให้ถึงจะใช้ไฟได้เหมือนเดิม กระทั่งช่วงเวลาประมาณ 20.30 น. ทำให้ต้องอยู่กับความมืดนานกว่า 2 ชั่วโมง ขณะที่นางลักษณาให้สัมภาษณ์แก่สื่อ มีเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฯ นำมิเตอร์ไฟมาติดตั้งให้จึงสามารถใช้ไฟฟ้าได้ปกติ
นางลักษณายอมรับว่า ตนค้างชำระค่าไฟฟ้า 1 เดือนจริง และเดือนนี้เข้าเดือนที่สอง เนื่องจากช่วงโควิด-19 ระบาดขายของไม่ค่อยได้ จึงยังไม่มีเงินไปจ่าย และที่คาใจคือก่อนจะถอดมิเตอร์ทำไมไม่แจ้งใครในบ้านให้ทราบก่อนล่วงหน้า แล้วทำไมมาถอดหม้อตอนเย็นใกล้ค่ำ ก็สงสารพ่อแม่ที่นอนป่วย และลูกวัย 6 ขวบพิการทางสมองต้องอยู่ในความมืด การที่ตนออกมาโวยครั้งนี้ไม่ได้อยากดังหรือมีปัญหาอะไร แค่อยากฝากถึงทางการไฟฟ้าฯ ได้เห็นใจประชาชนบ้างเพราะช่วงโควิด-19 หาเงินลำบาก และอยากให้ปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้นกว่านี้
