นครปฐม- ผบช.ภ.7 นำทีมคลี่คลายคดีนักเรียนช่างกลยิงกันดับกลางเมือง โดยรวบผู้ก่อเหตุได้ครบแล้ว พร้อมของกลางประกาศย้ำหมดยุคนักเรียน-นักศึกษายกพวกตีกันแล้ว ยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนบรรยากาศร้อนแรงไม่แพ้นักเรียนยิงกัน เกิดเหตุสื่อปะทะยูทูปเบอร์ มีลงไม้ลงมือ ร้อนถึงตำรวจต้องมาห้ามเหตุ สุดท้ายมีแจ้งความกันต่อ
วันนี้ (25 ธ.ค.) ที่ สภ.สามควายเผือก อ.เมือง จ.นครปฐม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 แถลงข่าวในการจับกุมผู้ต้องหา ซึ่งเป็นเยาวชนก่อเหตุยิงอริต่างสถาบัน ในจังหวัดนครปฐม โดยมี พล.ต.ต.บุญฤทธิ์ รอดมา รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.อรรถการ กองสุผล ผกก.ส.ส.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.นฤพนธ์ วินิชนุเคราะห์ ผกก.สภ.สามควายเผือก ได้ร่วมในการแถลงข่าว โดยมีการนำของกลางที่สามารถรวบรวมได้จากการก่อเหตุ ซึ่งมีญาติของทางผู้ก่อเหตุและผู้เสียชีวิตมาร่วมรับฟังในการแถลงผลการจับกุม ซึ่งเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจเนื่องจากเป็นการก่อเหตุของนักเรียนอาชีวะ ช่างกลต่างสถาบันที่มีการก่อเหตุบุกยิงกันบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ม.3 ต.ธรรมศาลา อ.เมือง จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 64 เวลาประมาณ 14.37 น. โดยเป็นเหตุให้นายศุภฤกษ์ สนองค์ อายุ 17 ปี ชาว อ.สองพี่น้องนักศึกษาวิทยาเทคโนโลยีนครปฐม เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และมีเพื่อนที่มาด้วยกันได้รับบาดเจ็บสาหัส
โดยก่อนการประชุม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 ได้เข้าร่วมประชุมการสรุปในเรื่องของสำนวนในคดี และได้มีการสั่งการให้นำหลักฐานพยานทั้งหมดที่มาประกอบคดีให้สมบูรณ์และชัดเจนที่สุด พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการกวดขันและระวังการก่อเหตุที่จะเกิดขึ้นอีกในอนาคต และสามารถสร้างความมั่นใจให้ประชาชนได้ จากนั้นมีการแถลงข่าวเพื่อสรุปผลการจับกุมต่อสื่อมวลชนหลายแขนงที่มาเกาะติดในคดีดังกล่าว
พล.ต.ท.ธนายุตม์ เผยว่า สำหรับในคดีดังกล่าวเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุกลุ่มที่ 1 ตามหมายจับศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนครปฐม ลงวันที่ 24 ธ.ค. ในฐานความผิด “ร่วมกันฆ่าผู้อื่น มีอาวุธและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวและไม่มีเหตุจำเป็น” โดยมีผู้ต้องหา ประกอบด้วย นายเอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี และนายบี (นามสมมติ) อายุ 17 ปี
โดยมีของกลาง ประกอบด้วย 1.อาวุธปืนสั้นยี่ห้อสมิธแอนด์เวสสัน ทะเบียน กท 835709 ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก ได้จากผู้ต้องหาที่ 1 2.ลูกกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 2 นัด ได้จากผู้ต้องหาที่ 1 3.รองเท้าผ้าใบ 1 คู่ ได้จากผู้ต้องหาที่ 1 4.หมวกกันน็อก 1 ใบ ได้จากผู้ต้องหาที่ 1 5.รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 110 สีแดงดำ ทะเบียน 1 กด 5980 นครปฐม ได้จากผู้ต้องหาที่ 1 6.เสื้อชอปสีเทา 1 ตัว ได้จากผู้ต้องหาที่ 1 7.กางเกงขายาว 2 ตัว ได้จากผู้ต้องหาที่ 1 8.รองเท้าผ้าใบ 1 คู่ ได้จากผู้ต้องหาที่ 1 9.ลูกกระสุนปืน (ตะกั่ว) จำนวน 1 ลูก ตรวจยึดได้ในที่เกิดเหตุ และ 10. มีดยาว จำนวน 3 เล่ม ยึดได้ในที่เกิดเหตุ
สำหรับพฤติกรรมของการก่อเหตุดังกล่าว โดยมีกลุ่มผู้ก่อเหตุจำนวน 2 กลุ่ม โดยกลุ่มที่ 1 มีผู้ต้องหาที่โดนจับกุม 2 ราย และมีพยาน 1 ราย ส่วนกลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มของผู้ตาย ซึ่งในวันเกิดเหตุ กลุ่มของนายเอ ที่ถูกจับกุมได้ขับรถจักรยานยนต์ที่ยึดเป็นของกลาง ซึ่งมีนายซี (นามสมมติ) และนายบี เป็นคนนั่งกลาง มาถึงบริเวณทางโค้งหน้าร้านสะดวกซื้อ และได้มาพบกับกลุ่มผู้ตาย ซึ่งกลุ่มของผู้ตายได้ใช้อาวุธมีดคนละ 1 เล่ม ลงมาไล่ฟันผู้ก่อเหตุ โดยนายซี ได้วิ่งหนีเข้าไปที่ร้านสะดวกซื้อ ส่วนนายบี ได้ใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่ไปที่กลุ่มผู้ตาย 1 นัด ทำให้เพื่อนที่มากับผู้ตายได้รับบาดเจ็บ ส่วนผู้ตายยังไม่หยุด จึงได้ยิงใส่เข้าอีก 1 นัด จนผู้ตายล้มลงและคลานไปเสียชีวิตในจุดที่พบศพในที่สุด
จากเหตุการณ์ดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าระงับเหตุได้เก็บหลักฐานต่างๆ ที่ได้ในที่เกิดเหตุไว้เป็นพยานหลักฐาน ต่อมา วันที่ 24 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สรุปรวบรวบพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับกุม และจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย ซึ่งมีนายซี อีก 1 คน ได้กันไว้เป็นพยาน ส่วนกลุ่มผู้ตายจะสรุปเรื่องการใช้มีดไล่ฟันอริด้วย โดยจะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ท.ธนายุตม์ เผยอีกว่า สำหรับคดีนี้ถือว่าเป็นคดีที่ผู้ก่อเหตุและฝ่ายที่ถูกทำร้าย เป็นนักเรียนนักศึกษา และยังเป็นเยาวชน ซึ่งตอนนี้ต้องขอฝากไปยังกลุ่มน้องๆ ว่าการก่อเหตุดังกล่าวนั้นทางเจ้าหน้าที่จะมีการดำเนินการอย่างถึงที่สุด ซึ่งหากท่านก่อเหตุไม่มีทางที่จะหลบหนีได้ โดยตำรวจจะไม่ยอมให้มีการหลบหนีไปได้ ทั้งนี้ เรื่องการกวดขันอาวุธปืนในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7 จะมีการกวดขันอย่างเคร่งครัด ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุพบว่ามีทะเบียน โดยจะมีการตรวจสอบติดตามว่าเป็นของใครมาอย่างไร และรวมถึงการรวบรวมคดีต่างๆ ซึ่งพบว่าจะเป็นการแสดงออกทางสัญลักษณ์ แต่จะมาพบกันตรงจุดเหตุเกิดเหตุ หรือมีการขัดแย้งมาก่อนกำลังอยู่ในการสอบสวน และจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยมีพยานหลักฐานเป็นวัตถุพยานต่างๆ ซึ่งพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้
ขณะที่ พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม เผยว่า สำหรับเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยาวนานระหว่างนักศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีนครปฐมและวิทยาลัยเทคนิคนครปฐม โดยเคยมีการลงนาม MOU ของสถาบันทั้งสอง ร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และส่วนที่เกี่ยวข้องมาแล้ว ซึ่งได้ห่างหายไปเพราะมีการเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และเพิ่งเปิดเทอมไม่นานก็มาก่อเหตุ
สำหรับแนวทางตอนนี้หลังจากมีการเรียนการสอนออนไลน์ไปแล้ว จะมีการสลับวันเรียนไม่ให้ตรงกัน ส่วนที่มีวันตรงกันจะมีการเลิกให้ไม่ตรงเวลากัน และจัดกำลังสายตรวจเข้มการเดินทางไปและกลับของนักศึกษาต่างสถาบันไว้อีกทางหนึ่งด้วย
ด้าน น.ส.อโนชา สนองค์ อายุ 36 ปี ชาว ต.เนินพระปรางค์ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี มารดาของ นายศุภฤกษ์ สนองค์ อายุ 17 ปี บอกว่า วันนี้ได้มาฟังการสรุปคดีในการจับกุมคนร้ายซึ่งตนเองอยากรู้ว่าทำไมถึงได้เกิดเหตุรุนแรงขึ้นได้ เพราะปกติลูกชายเป็นคนเรียบร้อย อะไรคือมูลเหตุที่มาก่อเหตุซึ่งตนเองยังไม่เข้าใจ และอยากจะถามเขาว่าทำไมถึงต้องมีการฆ่ากัน และหากทางผู้ก่อเหตุมาสารภาพหรือมาขอโทษอยากจะถามว่าทำไมถึงต้องพกปืนมาด้วย ซึ่งกรณีที่ลูกชายพกมีดยังถือว่าปกติเพราะเอาไว้ป้องกันตัว แต่ทำไมอีกฝ่ายต้องพกปืนมาด้วย
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศของการแถลงข่าวนี้ไม่ได้ร้อนแรงเพียงแค่การก่อเหตุของอริ 2 สถาบันที่ยิงกันเสียชีวิตเท่านั้น ซึ่งก่อนที่จะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ และเป็นช่วงที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 จะมาถึง ได้มีสื่อที่กำลังเกาะติดสถานการณ์ในเรื่องดังกล่าว ได้เกิดมีปากเสียงกับยูทูปเบอร์รายหนึ่งถึงขึ้นมีการลงมือลงไม้กัน ร้อนถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้ามาช่วยกันห้ามปรามไม่ให้บานปลาย โดย พ.ต.อ.อรรถการ กองสุผลผกก.สส.ภ.จว.นครปฐม ต้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์และลดความร้อนแรงของทั้ง 2 ฝ่าย แต่หลังจากมีการแถลงข่าวเสร็จสิ้นได้มีการเข้าแจ้งความกันอีกครั้ง