MGR Online - 191 ขยายผลจับกัญชาออนไลน์ เคสที่ 3 ยึดของกลาง 704 กก. ปิดฉากเครือข่ายประเทศเพื่อนบ้าน รวมของกลางทั้งหมด 1,920 กก. เงินหมุนเวียน 50 ล้านบาท เผย ตัวการใหญ่ได้กำไรลอตละ 3 แสน
วันนี้ (14 ธ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว ผบก.สปพ. พ.ต.อ.ชัยกฤต โพธิ์อะ รอง ผบก.สปพ.แถลงข่าว พ.ต.อ.เด่นหล้า รัตนกิจ ผกก.สายตรวจ บก.สปพ. พ.ต.ต.เชษฐพร บัวจันทร์ สว.งานสายตรวจ 2 บก.สปพ.และตำรวจสายตรวจ 2 ยก.สปพ.จับกุม นายคเชน (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี นายปู (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี นายธนวัฒน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี นายชานนท์ (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี นายชาญเดช (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี นายอธิวัฒน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี และ น.ส.วิชุดา (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี พร้อมของกลาง กัญชา (อัดแท่ง) 704 ก้อน น้ำหนัก 704 กก. อาวุธปืน 1 กระบอก กระสุน 15 นัด รถยนต์ 2 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน โทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง และอุปกรณ์บรรจุกัญชาใส่กล่องส่งพัสดุหลายรายการ ได้บริเวณบ้านเลขที่ 67/119 ซอยพุทธมณฑล สาย 3 ซอย 19 แยก 6-14-1 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ
พล.ต.ต.นิธิธร กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 ต.ค. ตำรวจสายตรวจ 2 ได้จับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง กัญชา 616 กก. ภายในบ้านพักย่าน อ.เมือง จ.นนทบุรี ต่อเนื่องเมื่อวันที่ 23 พ.ย. จับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง กัญชา 600 กก. ได้ที่ย่านบางขุนเทียน กรุงเทพฯ โดยพบว่ามีผู้เกี่ยวข้องในเครือข่ายดังกล่าวหลงเหลืออีก จึงทำการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม จนสืบทราบว่าใช้บ้านเลขที่ 67/119 ซอยพุทธมณฑล สาย 3 ซอย 19 แยก 6-14-1 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ พื้นที่ สน.ธรรมศาลา เป็นแหล่งซุกซ่อนยาเสพติด และแพ็คกัญชาเพื่อจำหน่ายลูกค้าทางไปรษณีย์ ตำรวจเฝ้าติดตามดูพฤติกรรมเรื่อยมา กระทั่งเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. พบรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีเทา ขับออกจากบ้านหลังดังกล่าวไปจอดที่พุทธมลฑล สาย 3 ปรากฏว่ามีรถกระบะยี่ห้อเชฟโรเลตจอดทิ้งไว้ จากนั้น นายคเชน และนายธนวัฒน์ เปลี่ยนไปขับรถกระบะแล้วมี นายปู รออยู่ที่รถยนต์คันเดิม ก่อนที่จะขับรถทั้ง 2 คัน กลับบ้านเลขที่ 67/119 พบผู้ต้องหาอีก 4 ราย ช่วยขนสิ่งของเชื่อว่าเป็นยาเสพติดลงจากรถ จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้นพบ กัญชา 704 กก. อาวุธปืนพร้อมกระสุนอยู่ในรถยนต์ และของกลางทั้งหมด
จากการสอบถามผู้ต้องหา ยอมรับสารภาพว่า ยาเสพติดดังกล่าวรับมาเพื่อจำหน่ายทางออนไลน์ โดย นายคเชน ได้ติดต่อสั่งกัญชาจากชายไม่ทราบชื่อสกุลจริงอยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านผ่านไลน์ชื่อ “ทีเด็ด 420” เปลี่ยนจาก “APOLLO 420”ลักลอบขนนำมาเก็บไว้ที่บ้านพักเช่ามาแล้ว 2 เดือน ได้กำไรลอตละ ประมาณ 200,000-300,000 บาท ทำมาประมาณ 1 ปี ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือชักชวนมาช่วยบรรจุกัญชาใส่กล่องพัสดุ ได้ค่าจ้างคนละ 30,000 บาท อาวุธปืนพกพานั้นไว้สำหรับป้องกัน หรือต่อสู้กรณีถูกตำรวจจับกุม ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นกลุ่มระดับบนสุดการจับกุมครั้งที่ 3 นี้ ถือว่าสิ้นสุดของเครือข่ายกัญชาดังกล่าว รวมเงินหมุนเวียนทั้งหมด 50 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังต้องตามสืบทรัพย์สินของ นายคเชน ให้เข้าองค์ประกอบ พ.ร.บ.ยาเสพติด ฉบับใหม่ เพื่อต้องการให้องค์กรอาชญากรรมยาเสพติดอ่อนแอลงไป เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน" และแจ้งข้อหา นายคเชน เพิ่ม "มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
