ฉะเชิงเทรา - เลขาฯ EEC มั่นใจปี 65 เศรษฐกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดตะวันออกเติบโตกว่าร้อยละ 3-5 จากความพร้อมระบบโครงสร้างพื้นฐาน ไม่หวั่นโควิดสายพันธุ์โอมิครอนกระทบการตัดสินใจลงทุน ฟุ้งปี 64 แม้โควิดระบาดหนักแต่การเติบโตทางเศรษฐกิจในพื้นที่เป้าหมายยังสูงกว่าร้อยละ 1
ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เผยสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดโครงการ EEC ที่ประกอบด้วย จ. ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ตลอดทั้งปี 2564 ว่า แม้จะมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่พบว่ามีการเติบโตทางเศรษฐกิจได้เกินกว่า 1 เปอร์เซ็นต์
และแม้ในขณะนี้จะเริ่มพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนในประเทศไทยซึ่งอาจซ้ำเติม แต่คาดว่าในสถานการณ์ทางเศรษฐกิจใน 3 จังหวัดในปีหน้าจะเติบโตเพิ่มขึ้นอีกกว่าร้อยละ 3-5 เนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของไทยได้ผ่านจุดที่ต่ำสุดมาแล้วเมื่อไตรมาสที่ 3 ของปีนี้
"จึงตอบได้ว่า EEC คือตัวช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยในขณะนี้ เพียงแต่ขอให้นักพัฒนาพื้นที่เร่งจัดทำโครงการ Smart Industry park ให้เร็วยิ่งขึ้น เนื่องจาก EEC มีแผนที่จะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเรื่องการผลิตรถยนต์ใประเทศไทยกว่าครึ่งหนึ่งจาก 2 ล้านคันต่อปีให้เป็นรถยนต์ EV และจะมีการผลิตด้วยระบบออโตเมชัน รวมถึงการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ให้มากขึ้นด้วย"
พร้อมยังบอกอีกว่า การพัฒนาโครงการต่างๆ ในพื้นที่ EEC จะยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการพัฒนาท่าเรือ โครงการสนามบินและรถไฟความเร็วสูง ซึ่งในช่วง 4 ปีที่ผ่านมามีการลงทุนไปแล้วถึงกว่า 1.6 ล้านล้านบาท และยังจะมีการทยอยลงทุนในโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่องอีกปีละ 5 แสนล้านบาท
"โดยคาดว่าในอีก 3 ปีไม่เกิน 5 ปีข้างหน้าจะมีการลงทุนในพื้นที่โครงการ EEC ไม่น้อยกว่า 2.2 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 5 แสนล้านบาทต่อปี ขณะที่นโยบายในเรื่องแหล่งน้ำในภาคอุตสาหกรรมนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้กำหนดให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการน้ำให้โครงการ EEC และยังเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาช่วยจัดหาน้ำให้แก่นิคมอุตสาหกรรมอีกด้วย" ดร.คณิศ กล่าว