xs
xsm
sm
md
lg

อดีตนักร้องดังต้นตำรับเพลง “ฉันทนาที่รัก” วางไมค์ขายลาบก้อยสู้ชีวิตที่เมืองน้ำดำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กาฬสินธุ์ - อดีตนักร้องลูกทุ่งดังยุค 80 “รักชาติ ศิริชัย” เจ้าตำรับเพลง “ฉันทนาที่รัก” วัย 66 ปี ชาวขอนแก่น ผันตัวมาปักหลักขายลาบ-ก้อยที่ตลาดสดอำเภอกมลาไสยกาฬสินธุ์ เผยแม้หมดยุคเพลงลูกทุ่ง แต่ไม่เคยยอมแพ้ สู้ชีวิตเลี้ยงลูกเมีย ทำทุกอย่างทั้งขายปุ๋ย ขายเมล็ดพันธุ์ข้าว ล่าสุดขายลาบก้อย วอนแฟนเพลงหากมีงานพร้อมรับการแสดงราคากันเอง


ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้ง มีพ่อค้าขายลาบก้อยรายหนึ่งที่ตลาดสดเทศบาลตำบลกมลาไสย อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ขายลาบก้อยไปด้วยและร้องเพลงไปด้วย สร้างความสนุกสนาน คลายเครียดให้พ่อค้าแม่ค้าที่อยู่แผงใกล้กัน รวมทั้งประชาชนที่เข้ามาเลือกซื้ออาหารต้องหยุดฟังเพลงด้วยความสนใจ หลายคนกระซิบกระซาบกันว่าบุคลิกและน้ำเสียงเหมือนนักร้องมืออาชีพ สุ้มเสียงของพ่อค้าขายลาบก้อยรายนี้ฟังดูออดอ้อนไม่ต่างจากนักร้องอาชีพ

โดยเพลงที่เขานำมาร้องนั้นเป็นเพลงลุกทุ่งยุคเก่าที่หาฟังยาก แต่เมื่อได้ยินแล้วประทับใจ จนอดใจไม่ได้ที่จะหยุดฟังและขอเพลงขณะยืนรอลาบก้อย ถือเป็นรูปแบบการขายและวิธีการเรียกลูกค้าอีกแบบหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปสังเกตการณ์ พบชายคนดังกล่าวตั้งแผงขายอาหารอีสานประเภทลาบ ก้อย และต้มเนื้อวัว ที่ตลาดสดเทศบาลตำบลกมลาไสย หรือตลาดเย็น บริเวณมุมทางออกสี่แยกไฟแดง มีลูกค้ายืนรอและฟังเพลงที่เขาร้องคลอไปด้วยขณะปรุงอาหารให้แก่ลูกค้า เพลงที่ขับร้องขณะปรุงอาหารนั้นเป็นบทเพลงลูกทุ่งที่เคยโด่งดังมากในยุค 80 หรือราวปี 2520-2530

เช่นเพลง “ฉันทนาที่รัก” “รักข้ามคลอง” “ฉันทนาใจดำ” “สุขเถิดบัวคำ” ซึ่งรูปร่างหน้าตา โดยเฉพาะสำเนียงที่เขาขับขานออกมานั้น เหมือนอดีตนักร้องดังชื่อ “รักชาติ ศิริชัย” มาก

จากการสอบถามพ่อค้าขายลาบก้อย ยืนยันว่าตนคือ “รักชาติ ศิริชัย” ตัวจริงเสียงจริง อดีตนักร้องเมื่อหลายสิบปีก่อน ปัจจุบันอายุ 66 ปี นายรักชาติเล่าว่า หลังจากหมดยุคเพลงลูกทุ่ง ตนก็ยังรับงานอยู่ เช่น ตามร้านอาหาร งานมงคล งานสังคมต่างๆ พอเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อคนในวงการบันเทิง และร้านค้าร้านอาหารที่เคยไปรับงานร้องเพลง ตนได้เปิดร้านขายอาหารตามสั่งหลายแห่ง ล่าสุดที่กรุงเทพฯ แต่ก็ไปไม่รอด

พอดีมีคนที่รู้จักรักใคร่กันดี ชักชวนมาทำธุรกิจขายปุ๋ยและพันธุ์ข้าว ที่ อ.กมลาไสย จึงใช้เวลาว่างมาขายลาบก้อยที่นี่ โดยมีภรรยาและลูกชายช่วยกันขาย

ช่วงเวลา 06.00-08.00 น.จะขายที่หน้าบ้าน ต.หลักเมือง อ.กมลาไสย ตอนเย็นมาขายที่แผงตลาดสดเทศบาลตำบลกมลาไสย ปรากฏว่าได้รับการอุดหนุนจากลูกค้าค่อนข้างดี ก็ต้องขอกราบขอบคุณมิตรรักแฟนเพลงเป็นอย่างมากที่จำกันได้ และมาช่วยอุดหนุนลาบก้อย ในอนาคตหากบรรยากาศการค้าขายดีขึ้น อาจจะเปิดร้านชื่อ “รักชาติลาบก้อย”

สำหรับการร้องเพลง ซึ่งเป็นอาชีพที่ตนรัก ก็ยังอยากจะร้องอยู่ หากเจ้าภาพท่านใดหรือแฟนพันธุ์แท้มีงานบุญงานกุศล อยากได้รักชาติ ศิริชัย ตัวจริง เสียงจริง ไปขับกล่อมในงาน ก็สามารถมาติดต่อได้ ราคาเป็นกันเอง




นายรักชาติ ศิริชัย ชื่อจริงคือ นายบุญช่วย จิวิสาย บ้านเดิมบ้านหนองมะเขือ ต.โคกสำราญ อ.บ้านแฮด (เดิม อ.บ้านไผ่) จ.ขอนแก่น เริ่มจับไมค์ร้องเพลงครั้งแรกในงานแต่งงานงานหนึ่ง จากนั้นก็ตระเวนประกวดร้องเพลงในพื้นที่ใกล้เคียง และก็ชนะเป็นส่วนใหญ่ ช่วงหลังๆ จึงมักได้รับการปฏิเสธไม่ให้เข้าร่วมประกวด จึงไปสมัครเป็นนักร้องกับวงดนตรี "จุฬาภรณ์" ที่ จ.มหาสารคาม แต่วงอยู่ได้แค่ 2 เดือนก็หยุด

ต่อมาด้วยความช่วยเหลือของคนในวงการ รักชาติได้มีโอกาสบันทึกเสียงเพลงแรกในชีวิต เป็นเพลงของครูชลธี ธารทอง ชื่อ "จดหมายฉบับสุดท้าย" แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จึงเดินทางกลับบ้านและบวช 1 พรรษา ระหว่างนั้นมีเพื่อนมาพูดคุยเรื่องการเป็นนักร้องที่กรุงเทพฯ หลังจากลาสิกขาออกมาจึงตัดสินใจลงไปกรุงเทพฯ หวังจะไปสมัครเป็นนักร้องกับวง “รุ่งเพชร แหลมสิงห์” ที่เขายึดเป็นนักร้องต้นแบบ

แต่ปรากฏว่าเมื่อเดินทางมาถึงเห็นมีการประกาศขายรถบัสเดินสายของวง "รุ่งเพชร" ทำเอารักชาติรู้สึกผิดหวัง และคิดหาหนทางใหม่


ในที่สุดก็ไปอยู่กับวงดนตรี “ศรีไพร ลูกราชบุรี” จึงมีโอกาสได้ร้องเพลงหน้าเวทีบ้าง ต่อมาเมื่อวงมาเดินสายอยู่แถวภาคเหนือ รักชาติได้ไปพบสุชาติ เทียนทอง นักร้องนักแต่งเพลงชื่อดังในยุคนั้น เพื่อฝากตัวเป็นลูกศิษย์ ซึ่งสุชาติก็รับเขาและแต่งเพลงให้ร้องหลายเพลง นอกจากนี้ยังพาเข้าห้องอัดเสียงด้วย

รักชาติร้องเพลงของสุชาติหลายเพลง แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ จนมาถึงเพลงที่ 8 เพลงสุดท้ายที่ตกลงกับสุชาติว่าถ้าไม่ดังอีกก็คงต้องล้มเลิกการผลักดัน และเพลงสุดท้ายที่ทำให้รักชาติโด่งดังเป็นพลุแตก คือเพลง "ฉันทนาที่รัก" ซึ่งเป็นเพลงยุคแรกๆ ที่กล่าวถึงชีวิตของสาวโรงงาน จากความสำเร็จของเพลง "ฉันทนาที่รัก" รักชาติยิ่งทวีความดังมากขึ้นไปอีกจากผลงานเพลงสุดฮิต อย่าง "รักข้ามคลอง" "ฉันทนาใจดำ" และ “สุขเถิดบัวคำ” ความดังของเพลงฉันทนาที่รัก ทำให้คำว่า “ฉันทนา” ถูกใช้แทนความหมายของเหล่าสาวโรงงานจนถึงปัจจุบัน


กำลังโหลดความคิดเห็น