xs
xsm
sm
md
lg

คดีมีพิรุธ! ผู้เสียหายร่วมลงทุนรับจำนำ/ปิด-ย้ายไฟแนนซ์สูญเงินมากกว่า 50 ล้านโวยตำรวจไม่ยอมรวมคดี เตรียมร้อง DSI

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ลำปาง - ผู้เสียหายพ่อค้า-นักธุรกิจรวมตัวดักรอผู้ต้องหาหน้าโรงพักลำปาง..เผยถูกหลอกร่วมลงทุนรับจำนำ/ปิด-ย้ายไฟแนนซ์ สูญเงินรวมกว่า 50 ล้าน แต่ตำรวจทำคดีเหมือนมีพิรุธ

วันนี้ (20 ธ.ค.) ตัวแทนผู้เสียหายจำนวนกว่า 10 คน จากทั้งหมดร่วม 20 คน ได้เดินทางมาที่ สภ.เมืองเขลางค์นคร เฝ้ารอขอพูดคุยกับนายปิยะพงศ์ หรือเบียร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดลำปาง ที่ถูกนำตัวมาจาก สภ.เมืองลำปาง เพื่อฝากขัง

ขณะที่นายเบียร์มาพร้อมกับทนายความ โดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์หรือพูดคุยใดๆ ซึ่งสุดท้ายผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวไปด้วยวงเงิน 900,000 บาท ซึ่งทำให้บรรดาผู้เสียหายไม่พอใจเป็นอย่างมาก

ตัวแทนผู้เสียหายกล่าวว่า การเดินทางมาที่ สภ.เมืองลำปาง และ สภ.เขลางค์นคร ในวันนี้ เนื่องจากทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายเบียร์ได้แล้ว จึงต้องการมาพบและพูดคุยด้วย เพราะต้องการคำตอบเกี่ยวกับเงินที่ตนเองได้ร่วมลงทุนไป

สำหรับพฤติการณ์ของผู้ต้องหา ผู้เสียหายได้เล่าว่า ในคดีนี้จะมีผู้ต้องหา 2 คนที่เป็นตัวหลัก ซึ่งก็เป็นคนในแวดวงธุรกิจของลำปาง คือ นายภูเดชา หรือโจ้ และ นายปิยะพงศ์ หรือเบียร์ ได้เปิดเฟซบุ๊ก พร้อมระบุข้อความว่า “รับปิด บช. ย้ายไฟแนนซ์ ย้ายที่ดิน จำนำรถ ปิดบ้านขาย รถยนต์ ทั้งใหม่และเก่า สนใจทักมายินดีให้คำปรึกษา เรามีทีมงานทุกจังหวัด

จากนั้นก็มีการแชร์เพจไปยังกลุ่มต่างๆ และทักไปชักชวนผู้เสียหายรายต่างๆ ที่เป็นผู้ทำธุรกิจในจังหวัดลำปาง พร้อมมีการเสนอผลตอบแทนในการเข้าร่วมลงทุนทำธุรกิจนี้ โดยจะให้ผลตอบแทนเป็นกำไร 3-7 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อนำเงินมาร่วมลงทุนกับทั้งสองคนมากกว่า 20 ราย

ช่วงแรกผู้เสียหายจะได้เงินตอบแทนตรงตามเวลา แต่เมื่อผ่านไปเดือนที่ 3-4 ก็จะเริ่มลดผลกำไร และสุดท้าย เมื่อผู้เสียหายดูแล้วว่าธุรกิจน่าจะมีปัญหาจึงพยายามขอเงินลงทุนคืนแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้แล้ว จึงได้เข้าแจ้งความดำเนินคดี พร้อมกับเตือนประชาชนทั่วไปที่มองหาการลงทุนใดๆ ก็แล้วแต่ อย่าเห็นว่าเป็นคนรู้จัก เป็นคนมีหน้าตาในสังคม หรือผลตอบแทนสูง เพราะอาจจะถูกหลอกและสูญเงินจำนวนมากได้

“พวกเราไม่อยากให้มีการประกันตัวเพราะเห็นว่าความเสียหายมากกว่า 50 ล้านบาท ผู้ต้องหาอาจจะหลบหนี และที่เป็นห่วงคือเกรงคดีจะไม่คืบหน้าเพราะมีนายตำรวจโทร.มาขอเรื่องคดี และพวกเราก็สงสัยว่าทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับคดีถึงไม่ยอมรวมให้เป็นคดีเดียว หรือเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ผู้ต้องหาหรือเพราะรู้จักกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงอยากเรียกร้องให้รวมคดี หากไม่ดำเนินการ กลุ่มของเราจะเดินทางไปร้องที่ดีเอสไอเพื่อขอให้รับเป็นคดีพิเศษต่อไป”

ด้านนายปัณธวัฒน์ หนึ่งในผู้เสียหายที่นำเงินร่วมลงทุน 2 ล้านบาท เผยว่า ตนรู้จักกับนายปิยะพงศ์ หรือเบียร์ เมื่อมาชักชวนก็คิดว่าทำธุรกิจด้านนี้จริง ยอมรับตอนแรกไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลได้แต่ฟังนายเบียร์บอกเล่าว่าทำธุรกิจร่วมกับนักลงทุนที่กรุงเทพฯ หลายคน จึงตัดสินใจร่วมลงทุนด้วย

ในช่วงแรกลงเงินไป 500,000 บาท เดือนแรกก็ได้กำไรกลับคืนมา จึงลงทุนเพิ่มไปเป็น 1 ล้านบาท ก็ได้กำไรกลับคืนมา จึงลงเพิ่มอีก 1 ล้าน รวมเป็น 2 ล้านบาท ต่อมานายเบียร์ขอลดกำไรและเริ่มขยายเวลาตนเองเห็นว่าน่าจะไม่ดีแล้ว กลัวเงินจะสูญจึงขอเงินลงทุนคืน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้คืนและก็ติดต่อนายเบียร์ไม่ได้อีก

ทราบภายหลังว่านายเบียร์น่าจะไม่ได้นำเงินไปลงทุนทำธุรกิจ แต่ได้ทำร่วมกับนายภูเดชาชักชวนคนอื่นให้มาร่วมลงทุนและนำเงินจากผู้ลงทุนรายใหม่มาหมุนจ่ายคืนให้ผู้ลงทุนรายเก่า แต่สุดท้ายเมื่อไม่ได้ทำธุรกิจก็ไม่มีเงินเข้าจึงทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินคืนได้และก็หลบหนีไป

จากการสอบถามทราบว่าผู้เสียหายในลำปางที่นำเงินมาร่วมลงทุนในธุรกิจกับผู้ต้องหาทั้งสองคนนั้นมีหลากหลายวงการ ซึ่งบางคนก็ไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้ เช่น ธุรกิจเสริมความงาม ธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจบันเทิง รวมแล้วมูลค่าความเสียหายมากกว่า 50 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น