ตาก - พม่า-กะเหรี่ยงเจรจาหยุดยิงชั่วคราวหลังปะทะหนัก 3 วันติด เสียงปืนชายแดนตะวันตกสงบ ชาวเมียนมาที่อพยพหนีตายจากลูกหลงลี้ภัยข้ามแดนกว่า 2,600 คนสมัครใจขอกลับบ้านชุดแรกแล้ว 178 คน
วันนี้ (18 ธ.ค. 64) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารเมียนมาที่สนธิกำลังกับกองกำลังพิทักษ์ชายแดนหรือบีจีเอฟ ยิงปะทะกับกองกำลังติดอาวุธกะเหรี่ยง KNLA รวมทั้งกะเหรี่ยง KNU และกองกำลังพิทักษ์ประชาชน PDF ที่บริเวณพื้นที่หมู่บ้านมอโท้ตะเล เขตจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา ตรงข้ามกับบ้านดอนชัยริมเมย หมู่ที่ 6 ต.แม่ตาว อ.แม่สอด จ.ตาก ตั้งแต่ 15 ธ.ค.เป็นต้นมา
ล่าสุดวันนี้สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย เสียงปืนจากการปะทะได้สงบ มีรายงานเบื้องต้นว่าทหารเมียนมาและกองกำลังพิทักษ์ชายแดนหรือบีจีเอฟ เสียชีวิตไป 20 นาย และถูกกองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นยูจับตัวไว้ได้จำนวน 8 นายและยึดอาวุธปืนได้จำนวนหนึ่ง ขณะที่ผู้นำกำลังทหารทั้งสองฝ่ายได้มีการเจรจาหยุดยิงชั่วคราว
ซึ่งหลังข่าวการเจรจาหยุดยิงของทหารทั้งสองฝ่ายจนเสียงปืนจากการปะทะสงบลงในวันนี้ ก็สร้างความดีใจให้ชาวเมียนมาหลายหมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบต้องอพยพหนีตายข้ามน้ำเมยเข้ามาในเขตไทย และถูกจัดให้พักอาศัยชั่วคราวในพื้นที่โรงเรียนบ้านแม่ตาวกลาง หมู่ที่ 5 ต.แม่ตาว อ.แม่สอด จ.ตาก ตลอดสามวันที่ผ่านมารวมทั้งสิ้น 2,676 คน
และช่วงเที่ยงเศษที่ผ่านมา ผู้หนีภัยสงครามชาวเมียนมาได้สมัครใจร้องขอให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอำเภอแม่สอดให้ช่วยส่งตัวกลับประเทศบ้านเกิดของตนเองจำนวน 178 คน เจ้าหน้าที่จึงได้นำรถบรรทุกสิบล้อ 2 คันรับตัวผู้หนีภัยสงครามชุดแรกที่สมัครใจขอกลับ เดินทางออกจากพื้นที่แรกรับโรงเรียนบ้านแม่ตาวกลาง ไปส่งบริเวณท่าข้ามธรรมชาติริมฝั่งน้ำเมย 2 แห่งที่เป็นพื้นที่ปลอดภัย คือ ท่าข้ามธรรมชาติบ้านแม่กุหลวง และท่าข้ามธรรมชาติบ้านดอนชัยริมเมย อ.แม่สอด
เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 346 และชุดเคลื่อนที่เร็วกองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอแม่สอดที่ 3 ได้ส่งกำลังคุ้มกันขบวนรถชาวเมียนมาที่สมัครใจกลับบ้านเกิดอย่างเข้มงวด ซึ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อยจนผู้สมัครใจกลับมาตุภูมิชุดแรกจำนวน 178 คนลงเรือหางยาวโดยสารข้ามแม่น้ำเมยกลับสู่ฝั่งประเทศเมียนมาได้อย่างปลอดภัย ท่ามกลางความดีใจของผู้หนีภัยสงครามชาวเมียนมาทุกคนที่ได้เดินทางกลับบ้าน
นางมะขิ่น อายุ 45 ปี หนึ่งในชาวเมียนมาที่ต้องอพยพหนีภัยสงครามจากบ้านข้ามมาหลบภัยสงครามในพื้นที่ชายแดนแม่สอด กล่าวว่า รู้สึกกลัวการสู้รบมาก กลัวคนในครอบครัวจะได้รับอันตรายจากกระสุนปืนและระเบิดที่ลอยมาตกในหมู่บ้านจำนวนมาก จนต้องอพยพหนีตายข้ามจากฝั่งประเทศเมียนมาเข้าขอหลบภัยสงครามชั่วคราวในพื้นที่ชายแดนแม่สอด ซึ่งขณะนี้เสียงปืนการปะทะสงบลงชั่วคราว ตนก็สมัครใจที่จะขอเดินทางกลับบ้านเกิดโดยทันที
อย่างไรก็ตาม ยังคงเหลือผู้หนีภัยจากการสู้รบสัญชาติเมียนมาที่ยังคงอยู่ภายในพื้นที่พักพิงผู้หนีภัยจากการสู้รบชั่วคราวภายในโรงเรียนบ้านแม่ตาวกลางอีก 2,498 คน ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการส่งกลับตามขั้นตอนต่อไป
