ประจวบคีรีขันธ์ - ททท.เดินหน้าต่อ โครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" เป็นของขวัญปีใหม่คนไทย หลังประเมินสิทธิในเฟส 3 น่าจะหมดในเดือนธันวาคมนี้ มั่นใจช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศให้คึกคักมากขึ้น ด้านภาคธุรกิจโรงแรมขานรับ พร้อมเรียกร้องให้ขยายขอบเขตให้ โรงแรมขนาดเล็ก หรือธุรกิจ SME ในท้องถิ่นเข้าร่วมโครงการ ขณะที่ภาคเอกชนเผยยอดจองปีใหม่แนวโน้มดี
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมด้วยนายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการ ททท.ด้านดิจิทัล วิจัยและพัฒนา พร้อมคณะจากส่วนกลาง และททท.เพชรบุรี ททท.ประจวบคีรีขันธ์ เดินทางมาร่วมประชุมกับภาคเอกชน หัวหิน/ชะอำ มีนายกรัณย์ สุทธารมณ์ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน นางวาสนา ศรีกาญจนา นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน-ชะอำ นายอุดม ศรีมหาโชตะ กรรมการสมาคมโรงแรมไทย นายกรด โรจนเสถียร นายกสมาคมสปาไทย ภาคีเครือข่ายธุรกิจโรงแรมใน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เพื่อติดตามการใช้สิทธิในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 ในพื้นที่หัวหิน-ชะอำ มีนางพรทิพย์ ภิบาลวงษ์ ผู้จัดการทั่วไปโรงแรม อมารี หัวหิน ให้การต้อนรับ เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หัวหิน-ชะอำเป็นพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวตามนโยบายของรัฐบาล วันนี้ได้มาฟังข้อเรียกร้อง ปัญหา อุปสรรคต่างๆ ของโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เพื่อรับทราบปัญหา อุปสรรคเพื่อนำไปปรับปรุง เนื่องจากในวันจันทร์นี้จะมีการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ จากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เข้าร่วมประชุมด้วย ททท.จะนำเสนอเรื่องต่อโครงการในเฟส 4 หรือการขยายระยะเวลา และการขยายสิทธิ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน เนื่องจากขณะนี้พบว่าประชาขนตอบรับลงทะเบียนกันอย่างคึกคัก จากจำนวนที่เปิดจองสองล้านสิทธิ ขณะนี้เหลือเพียงประมาณ 85,000 สิทธิ ซึ่งคาดว่าภายในเดือนธันวาคมนี้จะหมด ททท.มองว่าเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ประกอบกับเป็นนโยบายของรัฐบาล คิดว่าไม่มีปัญหาอะไร
ทุกภาคส่วนได้รับผลดีจากการนโยบายการเปิดประเทศ ไม่ใช่เฉพาะการนำนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา แต่รวมไปถึงคนไทยที่เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศด้วย ซึ่งปัจจุบันพฤติกรรมการท่องเที่ยวเปลี่ยนไป นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปกับครอบครัว ญาติพี่น้อง เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวในระยะทางที่ไม่ไกลมาก ส่งผลดีกับหัวหิน-ชะอำ เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ โครงการ เราเที่ยวด้วยด้วยกันถือเป็นโครงการสำคัญในการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ทำให้การท่องเที่ยวในช่วงปลายปีคึกคักมากขึ้น สำหรับปีหน้าหากมีการดำเนินโครงการต่อ มองว่าน่าจะมีการเดินทางไม่น้อยกว่า 120 ล้านคนครั้ง
นอกจากนี้ วันนี้ยังได้ร่วมพูดคุยหารือกับภาคเอกชน ภาคการท่องเที่ยวในพื้นที่หัวหิน-ชะอำ ถึงเรื่องการเปิดพื้นที่ใหม่ของโลกด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งหากทุกภาคส่วนมีฉันทานุมัติตรงกัน ททท.จะเร่งเดินหน้าต่อทันที ซึ่งในเรื่องนี้จะสอดคล้องกับแผนแม่บทพัฒนาการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลภาคใต้ตอนบน (เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง) หรือไทยแลนด์ริเวียร่า ยกระดับการท่องเที่ยวสู่ระดับนานาชาติ
ด้าน นางวาสนา ศรีกาญจนา นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน-ชะอำ กล่าวว่า โครงการเราเที่ยวด้วยกันถือว่าประสบความสำเร็จในส่วนของภาครัฐ โรงแรม ร้านค้า ร้านอาหารได้รับประโยชน์ เนื่องจากมีประชาชนให้ความสนใจลงทะเบียนมาใช้สิทธิกันเป็นจำนวนมาก แต่ในส่วนของผู้ประกอบการโรงแรมขนาดเล็ก หรือ SME กำลังได้รับผลกระทบเนื่องจากไม่ได้รับสิทธิในการเข้าร่วมโครงการ อีกทั้งโรงแรมขนาดเล็ก หรือ SME ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ตลอดระยะ 2 ปีที่ผ่านมาอย่างหนักเช่นกัน มีทั้งที่ปิดกิจการไปแล้ว และบางส่วนที่ยังพยายามสู้ต่อ
จึงได้ฝากข้อเรียกร้องของธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กให้พิจารณา ขยายขอบเขตของโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อต่อลมหายใจให้ธุรกิจขนาดเล็กในท้องถิ่น มองว่าเป็นเรื่องดีหากจะมีการขยายสิทธิเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวให้คึกคักมากขึ้น สำหรับหัวหิน-ชะอำ เป็นพื้นที่ BLUE ZONE การผลักดันให้เป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจะช่วยสร้างจุดเด่นให้ชัดเจนมากขึ้น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพยังหมายรวมไปถึงการพักผ่อน อาหาร การบำบัดร่างการ และการดูแลรักษาผิวพรรณด้วย ซึ่งหัวหิน-ชะอำมีความพร้อมในทุกด้านอยู่แล้ว
ขณะเดียวกัน นายอุดม ศรีมหาโชตะ กรรมการผู้จัดการบ้านทะเลดาวรีสอร์ท หัวหิน ในฐานะกรรมการสมาคมโรงแรมไทย กล่าวด้วยความมั่นใจว่า เราเที่ยวด้วยกันจะได้รับการพิจารณาผลักดันต่อไปอีกอย่างน้อยหากเริ่มตั้งแต่มกราคมไปถึงช่วงเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงหน้าร้อนและหัวหิน-ชะอำ ซึ่ง 2 พื้นที่นี้มีห้องพักรวมกันแล้วประมาณ 18,000 ห้อง เป็นเมืองท่องเที่ยวทางทะเลที่ติดต่อกัน อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามผู้ประกอบการโรงแรม รีอสร์ตต่างๆ ทั้งในพื้นที่และภาคอื่นต่างยอมรับว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาพักส่วนใหญ่ร้อยละ 90 ใช้สิทธิเราเที่ยวด้วยกัน
สำหรับในช่วงเทศกาลตั้งแต่คริสต์มาส-ปีใหม่ ในส่วนของพักของบ้านทะเลดาวรีสอร์ท ขณะนี้มีการจองเข้ามาในช่วงวันที่ 31 และวันที่ 1 มกราคม 65 ประมาณ 60-70% จากห้องพักของเราที่มีอยู่ 32 ห้อง ณ วันนี้ส่วนใหญ่ใช้สิทธิเราเที่ยวด้วยกัน นักท่องเที่ยวจะให้ความสนใจช่วงปีใหม่ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติเราคงต้องยอมรับว่ายังน้อยอยู่ และยิ่งสถานการณ์ในต่างประเทศของโอมิครอน ทำให้นักท่องเที่ยวยังไม่กล้าตัดสินใจเดินทางมามากนัก คงต้องประเมินกันใน 3-4 เดือนแรกของปี 65 อีกครั้ง ซึ่งท้ายที่สุดแล้วเราต้องเดินหน้าตลาดคนไทยต่อเนื่อง
นางพรทิพย์ ภิบาลวงษ์ ผู้จัดการทั่วไปโรงแรม อมารี หัวหิน กล่าวว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวขณะนี้ถือว่าเริ่มดีขึ้น ห้องพักของโรงแรม 223 ห้อง มีอัตราการเข้าพักในช่วงวันหยุด 80-90% ส่วนวันธรรมดาเฉลี่ยประมาณ 40% ซึ่งต้องยอมรับว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้าพักส่วนใหญ่เป็นกลุ่มครอบครัวคนไทย และจองใช้สิทธิ “เราเที่ยวดัวยกัน” มาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น ยังได้กรุ๊ปสัมมนา เข้ามาด้วยในระยะหลัง อย่างไรก็ตาม ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส และปีใหม่ปีนี้ทางโรงแรมมีการจัดโปรโมชัน-ดินเนอร์ ซึ่งขณะนี้เริ่มจองเข้ามาแล้วส่วนหนึ่ง ในส่วนชาวต่างชาติยังคงมีบ้าง อย่างไรก็ตาม หากทางรัฐบาลมีการต่อโครงการเราเที่ยวด้วยกันเพิ่ม ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว