ศรีสะเกษ - แม่ทหารปืนโหดยิงเมีย 8 นัดดับคากระบะหน้าอำเภอและยิงตัวตายขอโทษครอบครัวฝ่ายหญิง และยืนยันลูกชายเป็นคนดีสุภาพเรียบร้อยแต่ค่อนข้างใจร้อน ขณะต้นสังกัดโทร.ประสานงานเพื่อร่วมประกอบพิธีฌาปนกิจศพทหาร ด้าน ตร.ตั้ง 3 ข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พาอาวุธปืนฯ และยิงปืนโดยใช่เหตุ
วันนี้ (10 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่ พลอาสา ประยงค์ สมพงษ์ อายุ 34 ปี ได้ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. กระหน่ำยิง น.ส.เชาวนี อารีย์ อายุ 34 ปี ภรรยาที่นัดกันมาจดทะเบียนหย่า จำนวน 8 นัด เสียชีวิตคารถยนต์กระบะ จอดอยู่หน้าที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เนื่องจากไม่ต้องการหย่า จากนั้นพลอาสา ประยงค์ได้ขับรถเก๋งหลบหนีไปที่ศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ และได้ใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันยิงศีรษะตัวเองเสียชีวิตอยู่ในศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 2 กม. เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 15.30 น. วันนี้ ที่วัดพระใหญ่ ต.กระแชง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นางคำมี ลายคราม อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56 หมู่ 16 บ้านเขวา ต.กระแชง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วยญาติพี่น้องได้นำศพของ พลอาสา ประยงค์ สมพงษ์ อายุ 34 ปี ซึ่งก่อเหตุยิงภรรยาและยิงศีรษะตัวเองเสียชีวิตที่ศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ ออกจากโรงพยาบาลศรีสะเกษ มาที่วัดพระใหญ่เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา
โดยศพของพลอาสา ประยงค์สวมชุดปกติขาว จากนั้นสัปเหร่อได้ประกอบพิธีมัดตราสังข์ และนำผ้าขาวมาคุมร่างเอาไว้ เพื่อจะได้ประกอบพิธีนำศพใส่โลง โดยมี ร.ต.อ.ภาคิน ขันติวงศ์ ร้อยเวรสอบวน เจ้าของคดี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิมพ์ลายนิ้วมือมาทำการพิมพ์ลายนิ้วมือผู้เสียชีวิต เพื่อประกอบสำนวนคดีตามกฎหมาย และมีบรรดาญาติพี่น้องพากันมาร่วมพิธีด้วยบรรยากาศที่เศร้าสลด
นายอเล็กซานโด เทเม่ อายุ 19 ปี น้องชายคนเล็กของ พลอาสา ประยงค์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้เดินทางมาจากกรุงเทพฯ พร้อมด้วย พลอาสา ประยงค์ และนางคำมี ลายคราม ซึ่งเป็นแม่ จากนั้นทั้งสองฝ่ายได้มีการเจรจาพูดคุยกัน ซึ่งพี่ชายของตนคือ พลอาสา ประยงค์ ต้องการที่จะคืนดีกับ น.ส.เชาวนี และจะชวนกลับไปอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่ว่า น.ส.เชาวนีไม่ยินยอม และนัดหมายจะพากันไปหย่าในวันที่เกิดเหตุ แต่ขณะที่จะหย่ากันกำลังรอคิวได้มีการโต้เถียงกัน ซึ่งตนฟังไม่รู้เรื่องเนื่องจากเป็นภาษาถิ่น
จากนั้นได้ลงมาที่ลานจอดรถ น.ส.เชาวนี ได้ขึ้นไปบนรถกระบะเพื่อที่จะขับออกไป และบอกให้นางถวิล อารีย์ ซึ่งเป็นแม่ขึ้นรถ แต่ทันใดนั้นตนเห็นพี่ชายของตนกำลังโกรธมาก และได้ไปคว้าเอาปืนออกมาจากกระเป๋าสีแดง แล้วยิงไปที่ น.ส.เชาวนี ตนเห็นเช่นนั้นจึงได้ดึงแขนนางคำมี ซึ่งเป็นแม่ของตนวิ่งหนีออกไปจากที่เกิดเหตุด้วยความตกใจสุดขีด ต่อมาจึงทราบว่า พลอาสา ประยงค์ พี่ชายตนเองได้ยิงตัวเองเสียชีวิตแล้ว
ทางด้าน นางคำมี ลายคาม อายุ 53 ปี แม่ของพลอาสา ประยงค์ กล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าโศกว่า ปกติแล้ว พลอาสา ประยงค์ ลูกชายของตนเป็นคนดีสุภาพเรียบร้อยและเคร่งในระเบียบวินัยของทหารมาก แต่ค่อนข้างใจร้อน ก่อนเกิดเหตุพวกตนได้เดินทางมาจากกรุงเทพฯ โดยมีพลอาสา ประยงค์เป็นผู้ขับรถ เมื่อกลับมาถึงบ้านที่บ้านกระแชงก็ได้ไปเจรจาพูดคุยกับฝ่ายหญิงที่บ้านของฝ่ายหญิง แต่ว่าฝ่ายหญิงไม่ยินยอม ยืนยันจะหย่าขาดจากกัน และได้นัดหมายกันไปจดทะเบียนหย่าในวันเกิดเหตุ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ที่เศร้าสลดขึ้นมา ทำให้ตนรู้สึกเสียใจมาก
ตนฝากขอโทษไปยังพ่อแม่และครอบครัวของฝ่ายหญิงด้วยที่ลูกชายของตนได้ไปยิง น.ส.เชาวนีจนทำให้เสียชีวิต แต่ว่าอย่างไรก็ตามเราทั้งสองฝ่ายก็สูญเสียลูกเช่นกัน ตนต้องขอโทษครอบครัวของฝ่ายหญิงที่เกิดเหตุเช่นนี้ ส่วนทางต้นสังกัดของพลอาสา ประยงค์ได้มีการโทรศัพท์มาหาตนเพื่อที่จะมาร่วมพิธีฌาปนกิจศพด้วย ส่วนจะตั้งศพบำเพ็ญกุศลกี่วันนั้นรอลูกสาวกลับมาจากกรุงเทพฯ เสียก่อน จึงจะได้หารือกันว่าจะฌาปนกิจศพวันที่เท่าไหร่
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 13.00 น. วันเดียวกันนี้ ที่ สภ.กันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ นางถวิล อารีย์ อายุ 59 ปี แม่ของนางสาวเชาวนี อารีย์ ที่ถูกยิงเสียชีวิต พร้อมด้วยลูกชายคนเล็ก ได้เดินทางมาพบ ร.ต.อ.ภาคิน ขันติวงศ์ พนักงานสอบสวน สภ.กันทรลักษ์ และ พ.ต.ท.สังวร วรรณทวี รอง ผกก.สอบสวน สภ.กันทรลักษ์ พร้อมทีมพนักงานสอบสวน เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
พร้อมทั้งได้รับสิ่งของส่วนตัวของ นางสาวเชาวนี ประกอบด้วยโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง เข็มกลัด 1 อัน นำเอากลับไป ส่วนรถยนต์กระบะที่โดนยิงจะต้องรอให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบให้เรียบร้อยตามกฎหมายเสียก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจะคืนรถให้เจ้าของรถต่อไป ซึ่งรถกระบะคันที่เกิดเหตุเป็นชื่อของลูกสาวคนโตของนางถวิล อารีย์
นางถวิลกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าเสียใจว่า วันนี้ตนได้มาพบกับพนักงานสอบสวน และได้พบกับแม่และครอบครัวของทหารที่ก่อเหตุยิงลูกสาวของตน ซึ่งแม่ของทหารได้เข้ามายกมือไหว้ตน พร้อมบอกกับตนว่า เราทั้งสองฝ่ายต่างเสียลูกไปแล้ว โดยที่ตนไม่ได้ยินคำขอโทษจากปากของฝ่ายทหารที่ฆ่าลูกสาวของตน แต่อย่างไรก็ตาม ตนพร้อมที่จะอโหสิกรรมแก่ครอบครัวของฝ่ายทหาร เพื่อจะได้ไม่ต้องมีเวรมีกรรมต่อกันอีกต่อไป
พ.ต.ท.สังวร วรรณทวี รอง ผกก.สอบสวน สภ.กันทรลักษ์ กล่าวว่า คดีนี้พนักงานสอบสวน สภ.กันทรลักษ์ ได้ตั้งข้อหากับ พลอาสา ประยงค์ สมพงษ์ รวมจำนวน 3 ข้อหาด้วยกันคือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พาอาวุธปืนเข้าไปในเมืองหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุอันควร และยิงปืนโดยใช้ดินระเบิดในเมืองหรือหมู่บ้านที่ชุมชนโดยใช่เหตุ โทษสูงสุดคือประหารชีวิต แต่เนื่องจากเมื่อผู้ต้องหาเสียชีวิตแล้ว คดีเป็นอันระงับไป ซึ่งพนักงานสอบสวนจะได้สรุปสำนวนคดีเสนอความเห็นสั่งไม่ฟ้องไปยังอัยการจังหวัดกันทรลักษ์เพื่อพิจารณา โดยตนได้แนะนำให้ญาติฝ่ายหญิงผู้เสียชีวิตไปร้องขอความช่วยเหลือเยียวยาจากสำนักงานยุติธรรมจังหวัดศรีสะเกษตามกฎหมายต่อไปแล้ว