ราชบุรี - ตำรวจตามรวบได้แล้วอดีตลูกวัดสุขอารีย์ธรรมาราม อ.ปากท่อ ขอแบ่งเงินกฐินครึ่งหนึ่งจาก 4 แสนกว่า แต่ไม่ได้ขู่ปล่อยคลิปแฉ โดนทางวัดแจ้งความฐานกรรโชกทรัพย์ หนีกบดานจังหวัดสุรินทร์
วันนี้ (10 ธ.ค.) พล.ต.ต.ปิติ นฤขัตรพิชัย ผบก.ราชบุรี เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.โชติช่วง ภานุทัศ ผกก.สส.ภ.ราชบุรี พ.ต.อ.ชัยรัตน์ บัวชม ผกก.สภ.ปากท่อ พ.ต.อ.อินทธิพล พงษ์ธร ผกก.สส.ภ.จว.สุรินทร์ พ.ต.อ.ยุทธศักดิ์ โพธิ์สุวรรณ ผกก.สภ.ประสาท พ.ต.ท.วัชรันทร์ มีศรีผ่อง รอง ผกก.สภ.ปากท่อ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ กก.สส.ภ.จ.ราชบุรี เจ้าหน้าที่ กก.สส.ภ.จว.สุรินทร์ พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปราสาท และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากท่อ
ได้ร่วมกันทำการจับกุม นายชนาพัฒน์ ขอสงวนนามสกุล อายุ 50 ปี ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาล จ.ราชบุรี ที่ จ./2912/2564 ลงวันที่ 23 พ.ย.64 ในข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์ โดยทางเจ้าหน้าที่สืบสวน กก.สส.ภ.จว.ราชบุรี พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากท่อ ได้ทำการติดตาม สืบสวน นายชนาพัฒน์ อย่างต่อเนื่องจนทราบว่าหลังจากก่อเหตุได้หลบหนีไปอยู่ที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ จึงได้ประสานงานเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เข้าทำการจับกุมตามหมายจับนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
จากกรณีที่ทางวัดสุขอารีย์ธรรมาราม หมู่ที่ 1 ต.วังมะนาว อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ได้จัดทอดกฐินสามัคคี ได้มีการเชิญข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และบุคคลสำคัญมาเป็นประธานในพิธีพร้อมทั้งประชาชนทั่วไปเข้ามาร่วมงานเป็นจำนวนมากได้จัดพุ่มกฐินมาทอดที่วัดดังกล่าว ทางวัดได้จัดให้มีการนับเงินที่ศาลาวัดราหู ภายในวัด ได้เงินทำบุญทั้งสิ้นเป็นจำนวนเงิน 405,590 บาท หลังจากนั้น นายชนาพัฒน์ ได้โทรศัพท์หานายวรัท สุขอารีย์ บิดาของ น.ส.กรวรรณ สุขอารีย์ จะขอแบ่งรายได้จากการทอดกฐินครั้งนี้จำนวนครึ่งหนึ่งจากรายได้ทั้งหมด โดยอ้างว่าเป็นคนติดต่อคนสำคัญเข้ามาในงานซึ่งต้องมีค่าใช้จ่ายแต่ทางวัดไม่ได้ให้ไป
ต่อมา ได้ส่งข้อความทางแอปพลิเคชั่นไลน์ ให้ทาง น.ส.กมลวรรณ พร้อมทั้งวิดีโอเก่าที่วัดเคยมีเรื่อง และข้อความว่า” "งานนี้ผมเป็นตัวตั้งตัวตีในการประสานงานเรื่องกฐินครั้งนี้ งานนี้ผมแฉแน่ เคลียร์กับผมไม่จบ งานนี้จะได้สนุกกันละ งานกฐินเคลียร์ยอดไม่จบ ตอบคำถามนักข่าวกันเองก็แล้วกัน" ต่อมาได้มีเฟซบุ๊กใช้ชื่อว่า "born sayhi”" ได้ส่งคลิป ปรากฏชื่อว่า ฉาวอีกรอบกฐินครั้งใหญ่วัดสุขอารีย์ธรรมาราม เข้ามาในเพจของทางวัด เมื่ออ่านเป็นข้อความที่ทำให้วัดต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือเกลียดชัง ทำให้ได้รับความเสียหาย
พร้อมทั้งได้แอบอ้างว่ารู้จักกับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เพื่อกรรโชกทรัพย์เพื่อขอส่วนแบ่งจากการทำบุญจากทางวัดสุขอารีย์ธรรมาราม ซึ่งจากพฤติการณ์และข้อเท็จจริงการกระทำของผู้ต้องหาที่ได้อ้างถึงผู้ใหญ่ ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ได้รู้จักหรือติดต่อผู้ใหญ่ตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด จุดประสงค์เพียงเพื่อจะมาหลอกลวงผู้เสียหายเพื่อให้ได้ทรัพย์สินจากผู้เสียหายไปเท่านั้น ทาง น.ส.กรวรรณ จึงได้เข้ามาร้องทุกข์มอบคดีต่อพนักงานสอบสวน สภ.ปากท่อ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถอนุมัติออกหมายจับดังกล่าว