สระแก้ว - ตร.สระแก้ว ตามรวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวกัมพูชาอ้างเป็นตำรวจ ภ.จว.ชลบุรี หลอกเหยื่อโอนเงิน 900,000 บาท พร้อมเตรียมขยายผลออกหมายจับชาวไทยร่วมขบวนการหลังพบเบาะแสมีเงินหมุนเวียนอีก 64 ล้านบาท
เมื่อเวลา 16.00 น.วันนี้ (30 พ.ย.) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ภ.2 ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว พร้อมด้วย พ.ต.อ.พีระพงษ์ เหล่าธนาวิน รอง ผบก.ภ.จว.สระแก้ว พ.ต.อ.จตุรภัทร สิงหัษฐิต ผกก.สส.ภ.จว.สระแก้ว และ พ.ต.ต.ตฤณ ลีลานุช สว.กลุ่มงานสนับสนุน บก.ปอท. ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นางโซเพีย วันดี สม อายุ 45 ปี ชาวกัมพูชา
โดยผู้ต้องหาอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ภ.จว.ชลบุรี หลอกลวงผู้เสียหายที่อาศัยอยู่ใน จ.สมุทรสาคร ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดก่อนจะส่งภาพหมายเรียกและหมายจับให้ดูซึ่งในหมายจับระบุข้อหา “กระทำผิดฐานฟอกเงินและยาเสพติด” และมีเงินของผู้ค้ายาเสพติดโอนเข้าบัญชี
หากผู้เสียหายไม่อยากให้บัญชีถูกอายัดต้องถอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากทั้งหมดและนำเงินจำนวนดังกล่าวฝากเข้าบัญชีธนาคารทหารไทยธนชาต ชื่อบัญชี นายขจรยศ ทวีสุข ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เพื่อเป็นการประกันความบริสุทธิ์ใจ
และยังหลอกอีกว่าจะโอนเงินคืนภายใน 2 ชั่วโมง จนทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้คนร้ายไป กระทั่งรู้สึกแปลกใจจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร กระทั่งมีการประสานงานมายังตำรวจภูธรภาค 2 และ บก.ปอท. เพื่อให้ช่วยติดตามและตรวจสอบข้อมูล
จนทราบว่าคนร้ายได้ถอนเงินที่ตู้เอทีเอ็มในตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว หรือ กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว และ สภ.คลองลึก จึงติดตามจับกุมตัวคนร้ายขณะกำลังถอนเงินที่ตู้เอทีเอ็มธนาคารแห่งหนึ่ง พร้อมของกลางบัตรกดเงินอิเล็กทรอนิกส์ (ATM) ของบุคลอื่นจำนวน 7 ใบ เงินสดที่ได้จากการถอนเงินจากบัญชีบุคคล จำนวน 900,000 บาท
ขณะที่ นางโซเพีย วันดี สม อ้างว่าตนเองมีหน้าที่เป็นผู้นำบัตรกดเงินอิเล็กทรอนิกส์มากดเงินและรับว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินที่กดจากตู้กดเงินอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างวันที่ 26-27 พ.ย.64 แต่ในทางสืบสวนเชื่อได้ว่า นางโซเฟีย อยู่ในขบวนการหลอกให้โอนเงินเนื่องจากพบว่าขบวนการนี้มีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 64 ล้านบาท และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับคนไทยที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วเช่นกัน
ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจภูธรภาค 2 ขอฝากเตือนประชาชนหากได้รับการติดต่อจากคนร้ายในลักษณะหลอกว่ามีหมายจับ หรือหลอกให้โอนเงินเพื่อเลี่ยงความผิดจากการตรวจสอบด้วยการโอนเข้าบัญชีบุคคล ขอย้ำว่าไม่เป็นความจริงแน่นอน
เนื่องจากบัญชีของหน่วยงานจะต้องเป็นชื่อหน่วยงานเท่านั้น และหากพบเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวขอให้รวบรวมข้อมูลและหลักฐานต่างๆ แล้วเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจในพื้นที่ทันที