พิษณุโลก - “เฮียฝา-เศรษฐีร้อยล้านตลาดหนองตม พรหมพิราม” พร้อมลูกชาย บุกธนาคารชื่อดังกลางเมืองสองแควตามทวงเอกสารสอบเงินหายจากบัญชีเงินฝากกว่า 50 ล้าน แถมพบพิรุธ..มีการทำเอทีเอ็มกดเงินสดวันเดียว 7 แสน ทั้งที่ไม่เคยทำ ATM
วันนี้ (24 พ.ย. 64) นายประเสริฐ แก้วผกาผ่องศรี อายุ 77 ปี หรือ "เฮียฝา" เศรษฐีร้อยล้านตลาดหนองตม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก พร้อมด้วยนายสมยศ พงศ์กิตติไพสิฐ อายุ 52 ปี ลูกชายคนโต ได้เดินทางไปที่ธนาคารชื่อดังสาขาพิษณุโลก ที่ได้ฝากเงินไว้ ก่อนที่จะพบว่าเงินในบัญชีถูกยักยอกเข้าบัญชีลูกเลี้ยงหายไปกว่า 100 ล้านบาท
หลังจากได้เข้าร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพิษณุโลก และแจ้งความดำเนินคดีเอาไว้ที่ สภ.เมืองพิษณุโลก ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนตามกระบวนการทางกฎหมายตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
นายประเสริฐ หรือเฮียฝา พร้อมด้วยนายสมยศ ลูกชายคนโต เปิดเผยว่า พวกตนขอเอกสารและหลักฐานเพิ่มเติมจากทางธนาคารเพื่อใช้ประกอบสำนวนคดี เนื่องจากเอกสารบางส่วนที่เคยขอเอาไว้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว (ตั้งแต่ปี 62) ยังไม่ครบ ธนาคารยังไม่ดำเนินการให้
นอกจากนี้ยังขอตรวจสอบว่าเงินสดถูกถอนโดยไม่มีสมุด เมื่อเวลา 05.57 น. ของวันที่ 18 ธ.ค. 2556 จำนวน 7 แสนบาท ได้อย่างไร ซึ่ง จนท.ธนาคารชี้แจงว่าได้ตรวจสอบบัญชีธนาคารย้อนหลังพบมีการถอนเงินโดยมีการโอนโดยไม่มีสมุดคู่ฝาก หรือเป็นการถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มที่ธนาคารสาขาห้างฉัตร จ.ลำปาง แต่เฮียฝายืนยันต่อหน้า จนท.ธนาคารว่า..ไม่เคยทำบัตรเอทีเอ็มกับธนาคารไว้แม้แต่บัตรเดียว
นายประเสริฐเปิดเผยอีกว่า หลังจากนี้ตนจะได้นำหลักฐานเพิ่มเติมไปมอบแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเร่งรัดติดตามคดี ส่วนทางฝั่งคู่กรณีเองก็ยังไม่เคยติดต่อหรือเข้ามาพูดคุยเพื่อไกล่เกลี่ยใดๆ
ทั้งนี้ ขณะเฮียฝา พร้อมลูกชายเดินลงจากธนาคาร ฝ่ายกฎหมายของธนาคาร ประจำสำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพฯ ได้โทร.ติดต่อมาพูดคุยกับนายสมยศ พงศ์กิตตไพสิฐ (ลูกชายเฮียฝา) ทันที เพื่อทำความเข้าใจกรณีเอกสารที่ยังล่าช้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประเสริฐ (เฮียฝา) จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเจี้ยนหมิ่น จ.พิษณุโลก อ่านและเขียนภาษาไทยได้ อาชีพค้าขายข้าวเปลือกจนกลายเป็นเศรษฐีระดับร้อยล้านแห่งตลาดหนองตม ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษไว้กับ ร.ต.อ.สุรพงศ์ เหมือนศรีชัย รอง สว. (สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก เอาผิดผู้ที่กรอกข้อความในใบเบิก-ถอนเงินจากบัญชีธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่งใจกลางเมืองพิษณุโลก โดยเบียดบัง/ยักยอกเอาเงินไป 50 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้เฮียฝาได้ออกมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่านำเงินที่ได้จากการค้าขายข้าวเปลือกและสินค้าเบ็ดเตล็ดในตลาดหนองตมฝากแบบออมทรัพย์ แต่ถูกลูกสาวคนโต (ลูกเลี้ยง) และลูกเขยชักชวนโอนเข้าบัญชีลูกเขย ซึ่งเป็นผู้จัดการธนาคาร เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในตำแหน่งหน้าที่การงาน กระทั่งปี 54 นางกิมเต็ง ภรรยาเฮียฝาเสียชีวิต บุตรสาวคนโตและลูกเขยเป็นผู้จัดสรรแบ่งเงินฝากบัญชีทั้ง 5 คน คนละ 20 ล้านบาท รวม 100 ล้านบาททุกคน ซึ่งแบ่งเงินไปเรียบร้อยแล้ว
ปลายปี 61 นายสมยศ พงค์กิตติไพสิฐ ลูกชายแท้ๆ และเป็นลูกคนโตของเฮียฝา สงสัยว่ายอดเงินในบัญชีเงินฝากหายไปกว่า 100 ล้านบาท นายสมยศจึงได้ไปตรวจสอบรายการจากบัญชีจำนวน 9 บัญชี พบการโอนเงินแบบไม่มีสมุดคู่ฝาก ที่หน้าเคาน์เตอร์ธนาคารหลายบัญชี ก่อนที่จะเข้าร้องทุกข์ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพิษณุโลกว่าเงินหายจากบัญชีเงินฝาก และแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองพิษณุโลกดังกล่าว