xs
xsm
sm
md
lg

ตร.ภาค 7 แถลงจับ "แม็ก วังเย็น" กระหน่ำยิงหนุ่มเพชรบูรณ์ดับคาลานจอดรถ อ้างแค่มาตามแม่กลับ แต่โดนเหยียดหยาม-ด่าทอพ่อบังเกิดเกล้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กาญจนบุรี - ผบช.ภ.7 แถลงจับ "แม็ก วังเย็น" กระหน่ำยิงหนุ่มเพชรบูรณ์ดับกลางลานจอดรถวังสารภี พลาซ่า กาญจนบุรี  เจ้าตัวอ้างต้องการแค่ตามแม่คืน แต่กลับถูกเหยียดหยามด่าพ่อบังเกิดเกล้า จึงเกิดโมโหไล่ตามไปยิง
จากกรณีนายอำพล บุ้งทอง อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 327 หมู่ 3 ต.โคกสะอาด อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ถูกนายสิทธิชัย มั่นคง หรือ แม๊ก อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111/2 หมู่ 2 ต.วังเย็น อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ขับขี่รถจักรยานยนต์ไล่ติดตามใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.กระหน่ำยิงเข้าตามร่างกาย รวม 10 นัด เป็นเหตุทำให้เสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดบริเวณลานจอดรถ วังสารภี พลาซ่า หมู่ 9 ต.ปากแพรก อ.เมืองกาญจนบุรี เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา

หลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 ได้ลงพื้นที่สั่งการด้วยตนเอง จนในที่สุดเวลาประมาณ 16.00 น.ของวันเดียวกัน ญาติของผู้ต้องหาได้นำพาตัวนายสิทธิชัย มั่นคง หรือ แม๊ก เข้ามอบตัวต่อ โดย พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 รอรับมอบตัวด้วยตนเอง


จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.1 บก.สส.ภ.7 ได้นำตัวนายแม๊ก ผู้ต้องหา ตามหมายจับของศาลจังหวัดกาญจนบุรี เดินทางไปที่บ้านพักเลขที่ 111/2 หมู่ 2 ต.วังเย็น อ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อตรวจค้นหาหลักฐาน

โดยสามารถยึดของกลาง อาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 มม.ที่ใช้ก่อเหตุได้ จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 2 นัด รถจักรยานยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 125 สีดำ หมายเลขทะเบียน 1กข 6873 กาญจนบุรี จำนวน 1 คัน รวมทั้งซองปืน และเสื้อผาที่ใช้สวมใส่ในวันก่อเหตุ รวม 11 รายการ ตามที่ได้รายงานข่าวไปแล้ว


ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น.พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พร้อมด้วยพล.ต.ต.บุญฤทธิ์ รอดมา รอง ผบช.ภ.7พล.ต.ต ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี, พล.ต.ต.ประสพชัย มัตสยะวานิซกูล ผบก.สส.ภต, พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รอง บกภ.จว.กาญจนบุรี,พ.ต.อ ชิตภพ โตเหมือน รอง ผบก.สส.ภ.7 พ.ต.อ.สมเกียรติ โฉมฉาย ผกก.เมืองกาญจบุรี, พ.ต.อ.ภาคิน แสนพุฒิ ผกก.สส.ภ.จว. กาญจนบุรี, พ.ต.อ.ณัฐพิสิษฐ์ รัตนอุดมพล สส.ภ.7 ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้

ก่อนแถลง พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 ได้ไปสอบปากคำนายสิทธิชัย มั่นคง หรือ แม็ก ที่รออยู่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการ (ศปก.)ภ.จว.กาญจนบุรี ที่อยู่ชั้น 2 โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงแล้วเสร็จ สำหรับการแถลงข่าวในครั้งนี้ไม่ได้นำตัวผู้ต้องหามาร่วมแถลงข่าวแต่อย่างใด และหลังจากแถลงข่าวแล้วเสร็จ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้นำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรีทันที โดยไม่มีการนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดเกิดเหตุ เนื่องจากเป็นความประสงค์ของผู้ต้องหาที่ไม่ต้องการไปทำแผน


ทั้งนี้ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 แถลงว่า จากกรณีที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวไปว่ามีคนร้ายใช้อาวุธปืนไล่ยิงกินเสียชีวิตบริเวณลาดจอดรถ การลงมือก่อเหตุนั้นคนร้ายใช้อาวุธปืนยินผู้เสียชีวิตไปจำนวนหลายนัด ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำดังกล่าวเป็นทารุนและโหดร้ายและหวังผลต่อชีวิต แต่อย่างไรก็ตามต้องเรียนสื่อมวลชนว่า ทางเจ้าหน้าที่จะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ซึ่งตนได้สั่งผู้การจังหวัดไปแล้วว่าต้องให้ความเป็นธรรมทั้งฝ่ายผู้ก่อเหตุก็ดี รวมทั้งผู้เสียชีวิต และญาติของฝ่ายผู้เสียชีวิตที่อยู่จังหวัดเพชรบูรณ์

คดีนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.และ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายสืบสวน ได้สั่งการเร่งรัดให้ติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว สำหรับสำนวนเกี่ยวกับคดี เบื้องต้นได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ให้ทำการสอบสวนโดยละเอียดอีกครั้งหนึ่ง


จากการซักถามผู้ต้องหาถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุ เกิดจากมาตามแม่กลับบ้านแล้วเกิดทะเลาะกันกับผู้เสียชีวิต จึงเกิดความโมโห และถูกเหยียดหยามเนื่องจากผู้เสียชีวิตด่าทอพ่อของตนเอง ซึ่งทั้งหมดเป็นคำให้การของผู้ต้องหา แต่อย่างไรก็ตามจะต้องดำเนินการสอบสวนให้ครอบคลุมในทุกประเด็น ว่ามีประเด็นอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่จะต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย

สำหรับลักษณะของการก่อเหตุนั้น จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การว่า ในวันดังกล่าวผู้ต้องหาทราบว่าแม่ของตนเองจะเดินทางไปฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 2 ที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา เมื่อรู้เช่นนั้นลูกชายจึงไปตามแม่เพื่อให้กลับบ้าน แต่เมื่อแม่ไปถึงโรงพยาบาลได้พบลูกชายรออยู่ จึงตัดสินใจขับรถยนต์กระบะหลบหนีไปกับผู้เสียชีวิต เมื่อลูกชายเห็นจึงขับขี่รถจักรยานยนต์ติดตามไป จนกระทั่งไปพบรถยนต์ของแม่ติดสัญญาณการจราจรอยู่ที่บริเวณสี่แยกไฟแดงวังสารภี ต.ปากแพรก จึงใช้รถจักรยานยนต์ขวางด้านหน้าเอาไว้ จากนั้นเกิดการทะเลาะกันขึ้นอย่างรุนแรง ด้วยความโมโหและถูกผู้เสียชีวิตด่าพ่อของตนเอง หลังจากนั้น นายอำพล ที่นั่งอยู่เบาะด้านซ้ายได้เปิดประตูแล้ววิ่งหลบหนีไป ผู้ต้องหาจึงขับขี่รถจักรยานยนต์ติดตามไปแล้วลงมือก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงนายอำเพล จนเสียชีวิตคาที่ตามที่สื่อมวลชนได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิด แต่ทั้งนี้ตนได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนสอบสวนในเชิงลึกอีกครั้งหนึ่งเพราะนี่เป็นเพียงแค่คำให้การของผู้ต้องหาเท่านั้น เรื่องนี้เจ้าหน้าที่จะต้องทำสำนวนให้ละเอียดและจะดำเนินการให้เร็วที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น