บุรีรัมย์ - ทึ่ง “ครูตั้ม” วัย 41 ปี ยอมทิ้งอาชีพพ่อพิมพ์หลังเป็นครูตามฝันสอนมานาน 12 ปี กลับบ้านเกิด อ.ประโคนชัย บุรีรัมย์ หันมาทำเกษตรผสมผสานเดินตามรอยศาสตร์พระราชา “บ้านสวนพ่อพอเพียง พนมรุ้งคืนถิ่น” บนเนื้อที่ 10 ไร่ สร้างความสุขที่แท้จริง
วันนี้ (29 พ.ย.) หลายคนมองว่าการรับราชการเป็นอาชีพที่มั่นคงทั้งต่อตัวเองและครอบครัว แต่ นายประดิษฐ์ เวหน หรือ “ครูตั้ม” วัย 41 ปี ชาว อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ เขากลับเลือกที่จะลาออกจากการเป็นครูมานานถึง 12 ปี เดินทางกลับบ้านเกิด หันมาทำสวนเกษตรผสมผสานตามศาสตร์พระราชา ชื่อ “บ้านสวนพ่อพอเพียง พนมรุ้งคืนถิ่น” บนเนื้อที่ 10 ไร่ ที่บ้านโคกสะอาด ต.ปังกู อ.ประโคนชัย
สำหรับเนื้อที่ดิน 10 ไร่ ครูตั้ม และสมาชิกในครอบครัวจะช่วยกันทำเองไม่ได้จ้างแรงงาน โดยได้แบ่งพื้นที่ปลูกป่าหรือไม้ยืนต้น 4 ไร่ ทำนา 3 ไร่ ปลูกผักและเลี้ยงสัตว์ 2 ไร่ และทำที่อยู่อาศัยอีก 1 ไร่ โดยไม้ยืนต้นที่ปลูกจะมีมากกว่า 20 ชนิด เช่น ต้นมะค่า แดง พะยอม ยาง สะเดา ขี้เหล็ก และอื่นๆ นอกนั้นเป็นไม้ผล พืชผักสวนครัว และนาข้าว ส่วนสัตว์เลี้ยงมีทั้ง หมู กบ ปลา ไก่ไข่ เป็ด และหอย ซึ่งนอกจากจะนำผลผลิตมาประกอบอาหารบริโภคในครัวเรือนเพื่อลดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังสามารถนำผลผลิตไปวางขายหน้าสวน และนำแปรรูปส่งขายผ่านออนไลน์สร้างรายได้เข้าครัวเรือนอีกด้วย
นอกจากนั้น มูลจากสัตว์ที่เลี้ยงไว้ยังสามารถนำมาทำเป็นปุ๋ยใส่พืชผักที่ปลูกไว้เป็นการลดค่าใช้จ่ายได้อีกทางหนึ่งด้วย เรียกได้ว่าเป็นการทำการเกษตรแบบครบวงจร เน้นการพึ่งพาตนเองตามรอยศาสตร์พระราชา
ครูตั้มเล่าว่า อาชีพข้าราชการครูถือเป็นความฝันของพ่อแม่และของตัวเอง เพราะถือเป็นอาชีพที่มีความมั่นคง มีเงินเดือน มีสวัสดิการที่สามารถดูแลคนในครอบครัวได้เป็นอย่างดี ซึ่งได้ทำตามฝันมาแล้ว 12 ปี แต่พอล่าสุดได้ไปเป็นครูอยู่ที่ จ.ระยอง ค่อนข้างไกลจากบ้านเกิด ช่วงวันหยุดถึงจะมีโอกาสได้กลับมาเยี่ยมพ่อแม่ กระทั่งปี 2559 มีโอกาสได้เข้าร่วมอบรมที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง จ.ชลบุรี ของ ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร หรือ “อาจารย์ยักษ์” จนเกิดแรงบันดาลใจว่าความสุขที่แท้จริงคือการได้อยู่กับครอบครัว
จากนั้นเดือน มี.ค. 2560 จึงตัดสินใจลาออกจากครูโดยที่เพื่อนครูและคนในครอบครัวต่างก็ตกใจ ยอมรับว่าช่วงแรกพ่อและแม่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจลาออกเพราะกว่าจะได้เป็นครูไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การที่จะอธิบายให้ใครเข้าใจโดยที่ยังไม่ได้ลงมือทำก็ค่อนข้างยาก
หลังจากลาออกก็เดินทางกลับมาบ้านเกิด วางแผนปรับพื้นที่ 10 ไร่ที่พ่อแม่เคยใช้ปลูกมันปลูกอ้อยแต่ประสบปัญหาขาดทุนทุกปี เปลี่ยนเป็นสวนเกษตรผสมผสานตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งนอกจากที่ตัวครูตั้มจะเข้าอบรมกับอาจารย์ยักษ์จนเกิดแรงบันดาลใจแล้ว ยังได้พาพ่อกับแม่ไปอบรมกับพ่อคำเดื่อง ภาษี และพี่คำนึง บ้านตามา ซึ่งเป็นบุคคลต้นแบบในการทำเกษตรพอเพียงเพื่อเปิดใจด้วย
หลังจากนั้นเริ่มลงมือปรับพื้นที่เป็นลักษณะโคกหนองนาโมเดล ทั้งขุดสระ ปลูกต้นไม้ ปลูกไม้ผล พืชผักสวนครัว ทำนา เลี้ยงสัตว์ โดยเน้นการใช้ภูมิปัญญาและองค์ความรู้ตามคำสอนของพ่อหลวงภูมิพล หลังจากทำเกษตรผสมผสานตามรอยศาสตร์พระราชาผ่านมา 4 ปี ปัจจุบันมีความอุดมสมบูรณ์ทางอาหารด้วยการพึ่งพาตนเอง ที่สำคัญ ได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงคือการได้ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวคนที่รัก เพราะทุกวันนี้สมาชิกในครอบครัวไม่ได้ทำงานตามหน้าที่ แต่ทำงานตามวิถีในแต่ละวัน ไม่ต้องดิ้นรนแข่งกับเวลา
“วันนี้ขอเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่จะตอบโจทย์ ว่าคนรุ่นใหม่ที่หันมาทำเกษตรตามรอยพ่อหลวงอยู่ได้จริงไหม มีความสุขจริงไหม และอยู่แบบพอเพียงได้จริงหรือไม่ อยากฝากถึงคนที่คิดจะหันมาทำการเกษตร ว่าไม่ต้องกลัวถ้ายังไม่ได้ลงมือทำ หากเราใฝ่ที่จะเรียนรู้ และวางแผนที่ดีก็เชื่อว่าจะประสบผลและมีความสุขกับผลลัพธ์ที่ได้อย่างแน่นอน” ครูตั้มกล่าว
อย่างไรก็ตาม หากใครยังไม่มั่นใจสามารถมาดูตัวอย่างหรือศึกษาเรียนรู้วิธีแนวทางได้ที่ “สวนพ่อพอเพียง พนมรุ้งคืนถิ่น” ของครูตั้มได้ และหากใครอยากจะรับประทานไม้ผล ข้าว พืชผักปลอดสาร ผลผลิตจากสวน และเครือข่ายเกษตรที่แปรรูปแล้ว และไข่ไก่สดๆ วันต่อวัน สามารถมาซื้อได้ที่หน้าสวน หรือสั่งออนไลน์ผ่าน https://lin.ee/Cxd8ANL