xs
xsm
sm
md
lg

ปู่ย่าร่ำไห้ขอความเป็นธรรม หลานวัย 12 ปีเลี้ยงมาแต่แบเบาะตาย ลูกสะใภ้อมเงินประกัน 1 แสนหนีทั้งที่ไม่เคยเลี้ยงดู

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บุรีรัมย์ - ปู่ย่าชาวนางรอง จ.บุรีรัมย์ นำรูปถ่ายพร้อมโกศบรรจุกระดูกหลานชายวัย 12 ปีร้องขอความเป็นธรรม หลังหลานที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่แบเบาะจมน้ำตายลูกสะใภ้กลับอมเงินสินไหม 1 แสนที่ทาง ร.ร.ทำประกันอุบัติเหตุไว้หนีลอยนวล ทั้งที่เซ็นสละสิทธิ์ไม่ขอรับเพราะไม่เคยส่งเสียเลี้ยงดูหลังเลิกรากับลูกชาย ปู่ย่าต้องเลี้ยงด้วยความลำบากถึงขั้นไม่มีเงินซื้อนม ไม่คิดลูกสะใภ้ทำได้ลงคอ

วันนี้ (25 พ.ย.) นายวิเชียร ทิทา อายุ 58 ปี และ นางสุจิน เซียงโส อายุ 56 ปี สองสามีภรรยา ชาวอำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นปู่กับย่าของน้องเจมจิ อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6 ได้นำรูปถ่าย และโกศบรรจุกระดูกของน้องเจมจิ หลานชายที่จมน้ำเสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2564 ที่ผ่านมา ออกมาร้องขอความเป็นธรรม หลังจากที่ น.ส.ชไมพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นลูกสะใภ้และเป็นแม่ของน้องเจมจิ ได้อมเงินสินไหมทดแทนจำนวน 100,000 บาทที่บริษัทประกันจ่ายให้ เนื่องจากทางโรงเรียนได้ทำประกันอุบัติเหตุเอาไว้แล้วหนีหายไป


ทั้งที่ปู่กับย่าเป็นคนเลี้ยงน้องเจมจิมาตั้งแต่อายุได้ 1 ขวบหลังจากลูกชายและลูกสะใภ้แยกทางกัน จากนั้นลูกสะใภ้ไม่เคยส่งเสียเลี้ยงดูน้องเจมจิอีกเลย ปู่กับย่าต้องรับจ้างหาเงินมาเลี้ยงน้องเจมจิด้วยความยากลำบาก บางวันไม่มีแม้แต่เงินจะซื้อนมผงให้หลานกิน ต้องเอาน้ำเต้าหู้ต้มใส่น้ำเปล่าป้อนหลาน จนเจ้าของร้านตัดผมที่อยู่ใกล้กันสงสารก็หยิบยื่นเงินช่วยเหลือหลายครั้ง

ที่สำคัญ ลูกสะใภ้ที่มางานศพน้องเจมจิ ก็ได้เซ็นหนังสือสละสิทธิ์ไม่ขอรับเงินสินไหมจากบริษัทประกันดังกล่าวแล้ว โดยยินยอมมอบอำนาจให้ย่าเป็นคนรับแทนเพราะเป็นคนเลี้ยงดู แต่จู่ๆ ทางบริษัทประกันกลับแจ้งมาว่าเอกสารการมอบอำนาจไม่สมบูรณ์ ต้องส่งเอกสารมาเพิ่มเติม แต่ได้แนะนำว่าหากอยากได้เงินเร็วก็จะโอนเข้าบัญชีของลูกสะใภ้ ซึ่งเป็นแม่แท้ๆ ของน้องไปก่อนจะได้ไม่ต้องเสียเวลาตรวจเอกสารใหม่ แล้วค่อยให้ลูกสะใภ้โอนเข้าบัญชีของย่าตามที่ตกลง และเซ็นมอบอำนาจเอาไว้ แต่พอบริษัทประกันโอนเงินสินไหมทดแทนจำนวน 100,000 บาทเข้าบัญชีของลูกสะใภ้กลับหายไปเลยไม่สามารถติดต่อได้อีก


จากกรณีดังกล่าวปู่กับย่าจึงได้ออกมาร้องขอความเป็นธรรม และขอความช่วยเหลือจากผู้รู้กฎหมายด้วย เพราะตอนนี้มีแค่ปู่ที่ทำงานรับจ้างหาเลี้ยง ส่วนย่าไม่ได้ทำงานเพราะสุขภาพไม่ค่อยดี และอยากฝากถึงลูกสะใภ้หากยังมีสำนึกและไม่กลัวบาปกรรมก็ควรจะนำเงินมาคืนให้ปู่กับย่า ที่เป็นคนเลี้ยงดูลูกในไส้ของตัวเองมาตั้งแต่แบเบาะ ไม่คิดว่าจะทำกันได้ลงคอ






กำลังโหลดความคิดเห็น