พิษณุโลก - รมว.สาธารณสุขยันไทยมีวัคซีนโควิด-19 เพียงพอและครอบคลุมถึงเข็ม 3 รวมถึงคนต่างด้าว-ช่วยประเทศที่ขาดแคลนได้ แถมมีมิตรประเทศบริจาคเพิ่มอีก แต่ยอมรับเปิดผับ-บาร์-คาราโอเกะยังน่ากลัว ต้องดูสถานการณ์เป็นโซนเป็นจังหวัด
วันนี้ (22 พ.ย. 64) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เดินทางไปเป็นประธานเปิดประชุมเชิงปฏิบัติการ-มอบนโยบายแก่ผู้บริหารและคณะทำงานระดับพื้นที่แต่ละจังหวัด เตรียมความพร้อมการเปิดประเทศ และรองรับการระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภาคเหนือ ที่โรงแรมท็อปแลนด์พลาซ่า อ.เมือง จ.พิษณุโลก
นายอนุทินกล่าวว่า นโยบายเปิดประเทศ เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมาเดินหน้าต่อไปได้ ควบคู่กับการควบคุมการระบาด ทั้งการจัดหาวัคซีนเพียงพอ เร่งรัดการฉีดวัคซีนให้ทุกคนที่อาศัยและทำงาน ล่าสุดฉีดวัคซีนไปแล้ว 88 ล้านโดส
ภายในปี 2564 นี้มีเป้าหมายใหม่การฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมของผู้ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 อย่างน้อยร้อยละ 80 วัคซีนเข็มที่ 2 อย่างน้อยร้อยละ 70 โดยเฉพาะพื้นที่สีฟ้า 17 จังหวัดที่ต้องเร่งดำเนินการ โดยความร่วมมือจากฝ่ายปกครอง ท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าของสถานประกอบการ ภาคประชาสังคม ระดับอำเภอ ตำบลและหมู่บ้านสำรวจประชากรที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคชีน และจัดทำทะเบียนรายชื่อผู้ที่ประสงค์รับวัคซีนพร้อมกำกับ ติดตามกลุ่มเป้าหมาย ฝ่ายการแพทย์และสาธารณสุขกำหนดจุดฉีดให้เข้าถึงง่ายเร่งรัดการฉีดวัคซีน
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ปัญหาโควิดในพื้นที่ชายแดนที่ยังคงระบาดหนักขณะนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขได้เข้ามาดูแลอย่างไร รองนายกรัฐมนตรีบอกว่า คณะกรรมการโรคติดต่อแต่ละจังหวัดจะเป็นผู้จัดการปัญหา และอาศัยความเข้มแข็งของทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองในการดำเนินการ
โดยแบ่งการจัดการเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนของโรงงาน สถานประกอบการใช้ Bubble and Seal กล่าวคือ เมื่อพบผู้ติดเชื้อ ต้องคัดแยกตามประเภทความรุนแรง (สีแดง สีเหลือง สีเขียว) เข้ารับการรักษาใน CI กลุ่มสีเขียวเสี่ยงต่ำ ทำงานได้และทำ Small Bubble and Seal เพื่อให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนปกติ และการฉีดวัคซีนให้กับทุกคน ทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าว เช่น แรงงานต่างด้าวแม่สอดฉีดวัคซีนไม่น้อยกว่า 95%
นายอนุทินบอกอีกว่า ยืนยันไทยไม่ขาดวัคซีน ปัจจุบันไทยมีวัคซีนมากเพียงพอที่สำรองเอาไว้สำหรับเข็ม 3 และสำหรับบุคคลที่ไม่ได้ถือสัญชาติไทย นอกจากนี้เรายังมีมิตรประเทศมากมายที่แสดงเจตจำนงที่จะบริจาควัคซีนให้ไทย ทั้งฝรั่งเศส จีน ญี่ปุ่น อังกฤษ และอีกหลายประเทศ
“เรามีวัคซีนมากพอที่จะดูแลชีวิตทุกชีวิตในราชอาณาจักรไทย ขณะเดียวกันเราก็พร้อมที่จะพิจารณาบริจาควัคซีนให้ประเทศเพื่อนบ้าน หรือประเทศที่ยังเข้าไม่ถึงวัคซีนอย่างเต็มที่ หรือประเทศที่ยังมีผลกระทบจากความล่าช้าของวัคซีนที่สั่งซื้อจาก COVAX ซึ่งประเทศไทยเราก็จะเร่งพิจารณา ส่วนประเด็นที่บอกว่าไทยไม่ได้เข้า COVAX คงไม่ถูกนักเพราะว่าเราเข้า COVAX แต่เราเข้าในฐานะที่เป็นผู้ให้”
ส่วนเรื่องการเปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่ผู้ประกอบการร้องขอให้เปิดเร็วขึ้นนั้น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข บอกว่าจะดูสถานการณ์เป็นโซน เป็นเวลา เป็นจังหวัด เพราะยังคงมีความน่ากลัวในเรื่องของการติดเชื้ออยู่ ด้านการปรับสีพื้นที่นั้น จะเน้นจากปริมาณและอัตราส่วนของการได้รับวัคซีนของประชาชนในแต่ละจังหวัด จะเห็นได้ว่ามีบางจังหวัดที่เปิดมาตรการผ่อนคลายบ้างแล้ว จึงค่อยๆ ขยับสี
“ยืนยันว่าสิ่งที่อันตรายที่สุดในการติดเชื้อก็คือ การเปิดผับ บาร์ คาราโอเกะ เพราะว่าจะมีความใกล้ชิดกัน การรวมกลุ่ม ใช้ภาชนะร่วมกัน ทั้งอาหาร น้ำแข็ง กรมควบคุมโรคจะพยายามหามาตรการ ถ้าเราฉีดวัคซีนกันทั่วถึงแล้ว และใช้มาตรการ COVID-FREE SITTING มาตรการ D-M-H-T-T ควบคู่กันไป และค่อยๆ ผ่อนคลายมาตรการให้เร็วที่สุด เพื่อให้เราได้ฉลองปีใหม่ดีกว่าไม่ได้ฉลอง การที่เราได้กลับบ้าน ได้พบครอบครัว ญาติพี่น้อง เวลาอยู่ด้วยกันกินน้ำแข็งเปล่าก็อร่อยแล้ว”