ศูนย์ข่าวศรีราชา – “ สนธยา” ยันไม่เลิกโครงการปรับภูมิทัศน์ชายหาดพัทยาเหนือ-ใต้ ภายใต้งบฯ166 ล้านตามกระแสข่าวในโลกออนไลน์ แจงปัญหาพื้นที่บางส่วนที่อาจรุกล้ำการดำเนินงานของหน่วยงานอื่นๆ จำเป็นต้องขออนุญาตให้ถูกต้องก่อน
กลายเป็นประเด็นร้อนแรงขึ้นมาอีกครั้งสำหรับ “โครงการปรับภูมิทัศน์ชายหาดเมืองพัทยาเหนือ-พัทยาใต้ ” ภายใต้งบประมาณดำเนินการ 166 ล้านบาทซึ่ง เมืองพัทยา ได้ลงนามว่าจ้าง บริษัท นงนุชแลนด์ แลนด์สเคป แอนด์การ์เด้นดีไซน์ จำกัด ให้เข้ามาดำเนินการปรับสภาพภูมิทัศน์ชายหาดพัทยาตั้งแต่โค้งโรงแรมดุสิต พัทยาเหนือ
ตามโครงการปรับภูมิทัศน์ชายหาดพัทยาเหนือ-ใต้ ตลอดระยะทาง 2.7 กิโลเมตร ระหว่างวันที่ 6 ส.ค.64-3 พ.ค. 66 รวมระยะเวลา 820 วันยกระดับพื้นที่สู่การเป็น Pattaya New look ตามโครงการ “Neo Pattaya”
ที่จะมีทั้งการขยายผิวจราจรเพื่อให้รถยนต์ของประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถสัญจรได้สะดวก รวมทั้งตัดร่นแนวพื้นฟุตปาธเดิมออกไปในระยะ 3 เมตร เพื่อขยายฟุตปาธลงไปบนแนวทรายซึ่งจะชนกับแนว Big Bag ของกรมเจ้าท่า ที่ทำการฝังไว้เพื่อเป็นแนวบอกระยะการลื่นไหลของทรายที่เพิ่งดำเนินการถมทรายชายหาดแล้วเสร็จไปได้ไม่นาน
นอกจากนั้นยังจะจัดทำระบบต้นไม้และพื้นที่สีเขียวใหม่ และได้การถอนโค่นต้นหูกวางที่มีสภาพเสื่อมโทรมบางส่วนออกไป และ สนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ยืนยันว่ายังคงใช้พันธุ์ไม้ดั้งเดิมให้คงสภาพอยู่ตามแนวชายหาดถึง 75 % หลังเกิดกระแสต่อต้านอย่างหนัก
ล่าสุดยังมีกระแสข่าวในโลกสังคมออนไลน์ว่า โครงการดังกล่าวถูกยกเลิกไปแล้วและยังมีการขนย้ายเครื่องมือและจุดอำนวยการก่อสร้างออกจากพื้นที่หลังยุติการดำเนินงานมานานนับเดือน
กรณีดังกล่าวทำให้ นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ต้องออกมายืนยันกับผู้สื่อข่าวอีกครั้งว่า เมืองพัทยา ยังคงเดินหน้าโครงการปรับภูมิทัศน์ชายหาดพัทยาเหนือ-พัทยาใต้ อย่างต่อเนื่องและไม่ได้ยุติหรือยกเลิกการดำเนินงานตามกระแสกล่าวอ้างในโลกออนไลน์
“ เพียงแต่โครงการนี้อาจเกี่ยวข้องกับความดูแลของหน่วยงานอื่นๆ เช่น กรมเจ้าท่า หรือสำนักงานสิ่งแวดล้อมฯ ซึ่งจริงๆแล้วตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ การลงพื้นที่สำรวจและการทำประชาพิจารณ์ก็เป็นตาม ข้อกำหนดของสำนักนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อมีการลุกล้ำเข้าไปในความรับผิดชอบของหน่วยงานอื่นก็ต้องทำหนังสือเพื่อขอรับความเห็นชอบตามขั้นตอนทางราชการ”
สิ่งสำคัญคือโครงการนี้จัดทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม และยังหวังให้เป็นพื้นที่สันทนาการในการออกกำลังกาย ตามนโยบายการผลักดันให้เมืองพัทยาเป็น Sport City และรองรับการเป็นศูนย์กลางทางการท่องเที่ยวของ EEC
“ หลังจากนี้อาจต้องปรับรูปแบบโครงการในบางส่วนเพื่อให้สมประโยชน์ และเกิดผลกระทบรวมทั้งได้ความคุ้มค่าในการจัดทำสูงสุดตามงบประมาณที่ได้ตั้งไว้และคาดว่าคงจะสามารถดำเนินการต่อไปได้ภายในเร็ววันนี้” นายสนธยา กล่าว