บุรีรัมย์ - ตำรวจ สภ.สตึก จ.บุรีรัมย์ นำหมายศาลเข้าจับกุมผู้ป่วยโควิด-19 ที่โทร.หลอกญาตินำยาบ้ามาส่งใน รพ.ทั้งที่ยังรักษาตัว จนท.ต้องอ่านหมายศาลและแจ้งข้อหาผ่านวิดีโอคอล และรอนำตัวส่งฝากขังช่วงบ่ายหลังหมออนุญาตให้ออกจาก รพ. ทั้งขยายผลรวบผู้ร่วมขบวนการนำยาบ้ามาให้
วันนี้ (28 ต.ค.) ร.ต.อ.การุณ จันทรดอก รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.สตึก จ.บุรีรัมย์ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.สตึก ได้นำหมายศาลเข้าจับกุม นายอนุชา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่ รพ.สตึก และมีกำหนดจะได้ออกจาก รพ.วันนี้ หลังจากนายอนุชาได้โทรศัพท์หลอกให้ นางนี (นามสมมติ) ซึ่งเป็นป้านำยาบ้าที่มีชายปริศนาเอามาฝากไว้ ด้วยการซุกซ่อนในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วยจำนวน 8 เม็ด ไปส่งให้ที่ รพ. แต่เนื่องจาก นางนีติดธุระ จึงวานให้นายอุทัย น้องเขยเอาไปส่งให้แทน จนถูกเจ้าหน้าที่ของ รพ.ตรวจพบ
แต่เนื่องจากนายอนุชา ผู้ต้องหาที่โทร. สั่งซื้อยาเสพติด ยังอยู่ในห้องควบคุมเชื้อโควิด-19 และอยู่ระหว่างรอทำเรื่องออกจาก รพ.ช่วงบ่ายวันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้นายอนุชาทราบที่หน้าห้องควบคุมเชื้อผ่านวิดีโอคอลมือถือ โดยไม่ได้เข้าไปด้านในเพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เบื้องต้นนายอนุชารับสารภาพว่าได้เป็นคนโทรศัพท์สั่งซื้อยาบ้าจากนายแป๊ก อายุ 26 ปี ชาวอำเภอสตึกจริงจำนวน 10 เม็ด ในราคา 300 บาท โดยได้โทรศัพท์หลอกให้ป้าเอามาส่งให้ที่ รพ.เพราะตนเองยังรักษาโควิดอยู่ โดยยืนยันว่าป้า และน้องเขยไม่รู้เห็นหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดดังกล่าว หลังจากที่นายอนุชา ผู้ต้องหาออกจาก รพ.ช่วงบ่ายตำรวจจะอายัดตัว และนำส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดต่อไป
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ขยายผลจับกุมนายแป๊บ อายุ 26 ปี ผู้ร่วมขบวนการ ซึ่งเป็นคนที่นำยาบ้ามาฝากส่งตามที่นายอนุชาซัดทอด แต่เบื้องต้นนายแป๊บยังให้การปฏิเสธ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีพยานหลักฐานมัดตัว ทางพนักงานสอบสวนจึงได้แจ้งข้อหานายแป๊บ คนส่ง “พยายามจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย” ส่วนนายอนุชาได้แจ้งข้อหา “พยายามมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย”
ส่วน นางนี และนายอุทัย ที่ถูกหลอกให้นำยาบ้ามาส่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนและกันไว้เป็นพยานในคดีดังกล่าวเนื่องจากไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับยาเสพติดดังกล่าว