xs
xsm
sm
md
lg

อึ้ง! สิ้นฝนน้ำเขื่อนภูมิพลยังต่ำเกณฑ์ ฝนหลวงเร่งปฏิบัติการโค้งสุดท้ายเติมน้ำเหนือรับมือแล้งหน้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตาก - อธิบดีกรมฝนหลวงห่วงน้ำต้นทุนเขื่อนใหญ่ภาคเหนือน้อย บินตรวจเห็นกับตา..ระดับน้ำเหนือเขื่อนภูมิพลยังต่ำเกณฑ์ พร้อมเร่งรัดติดตามปฏิบัติการฝนหลวงโค้งสุดท้าย ตั้งเป้าเติมน้ำต้นทุนเขื่อนใหญ่-อ่างเก็บน้ำภาคเหนือรับแล้งหน้า


นายสำเริง แสงภู่วงค์ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร และคณะฯ ได้ขึ้นบินตรวจสถานการณ์น้ำเหนือเขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก พร้อมติดตามการปฏิบัติการฝนหลวงเติมน้ำต้นทุนให้กับเขื่อน-อ่างเก็บน้ำในพื้นที่ภาคเหนือ เมื่อเร็วๆ นี้ โดยมีนายรังสรรค์ บุศย์เมือง ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ นายวรพจน์ วรพงษ์ ผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำ

อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตรกล่าวว่า แม้ที่ผ่านมาจะมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง แต่จากการสำรวจปริมาณน้ำในเขตลุ่มน้ำเขื่อนหลักๆ ในภาคเหนือ จนถึงขณะนี้ยังมีปริมาณน้ำต้นทุนค่อนข้างน้อย ส่งผลให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากปัญหาขาดแคลนน้ำได้ ปฏิบัติการฝนหลวงเติมน้ำต้นทุนให้เขื่อนและอ่างเก็บน้ำพื้นที่ภาคเหนือจึงถือเป็นภารกิจหลักของกรมฝนหลวงในการหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรอย่างเร่งด่วนและทันท่วงที

แต่ปริมาณน้ำต้นทุนเขื่อนภูมิพลมีความจุน้ำที่ระดับกักเก็บ 13,462 ล้าน ลบ.ม. เป็นเขื่อนคอนกรีตโค้งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ณ วันที่ 27 ต.ค. 64 ที่ผ่านมามีปริมาณน้ำ 7,831.35 ล้าน ลบ.ม.หรือประมาณ 58.2% น้ำใช้งานได้ 4,031.35 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 41.07% มีน้ำไหลเข้าอ่างฯ 38.88 ล้าน ลบ.ม. ระบายน้ำ 1.0 ล้าน ลบ.ม. ยังสามารถรับน้ำเพิ่มอีก 5,640 ล้าน ลบ.ม. หรือ 41.8% ซึ่งปีนี้มีปริมาณน้ำมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันปีที่ผ่านมา 2,415.82 ล้าน ลบ.ม.แต่ยังต่ำกว่าเกณฑ์

ขณะที่ความต้องการใช้น้ำลุ่มเจ้าพระยาประมาณ 20,415 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี แต่ละปีขาดแคลนอยู่ประมาณ 1,230 ล้าน ลบ.ม. จำเป็นที่กรมฝนหลวงฯ จะต้องเร่งปฏิบัติการฝนหลวงในโค้งสุดท้ายของปีนี้เพื่อเติมปริมาณน้ำต้นทุนให้กับเขื่อนภูมิพล รวมถึงเขื่อนใหญ่ อ่างเก็บน้ำในภาคเหนือ ให้ได้ตามเป้าหมายรองรับการใช้น้ำทั้งภาคเกษตร อุปโภค บริโภค


สำหรับศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือมีแผนปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ ประจำปี 2564 ที่ผ่านมานั้นรับผิดชอบดูแลพื้นที่การเกษตร 7 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง พะเยา และตาก รวมถึงเขื่อนขนาดใหญ่จำนวน 6 แห่ง ได้แก่ 1. พื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนภูมิพล 2. เขื่อนแม่งัดสมบรูณ์ชล 3. เขื่อนแม่กวงอุดมธารา 4. เขื่อนกิ่วลม 5. เขื่อนกิ่วคอหมา และ 6. เขื่อนแม่มอก

ผลปฏิบัติการระหว่างวันที่ 1 ก.พ.-24 ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา (หน่วยงานปฏิบัติการฝนหลวงเชียงใหม่และตาก) หน่วยฯ เชียงใหม่ทำการบิน 142 วัน ส่วนหน่วยฯ ตากทำการบิน 110 วัน รวม 706 เที่ยวบิน เพิ่มปริมาณน้ำฝนช่วยเหลือพื้นที่เกษตรที่ประสบภัยแล้ง 10 จังหวัด 76 อำเภอ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน พะเยา ตาก แม่ฮ่องสอน แพร่ กำแพงเพชร สุโขทัย

ซึ่งปีนี้แม้จะเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน แต่กรมฝนหลวงได้ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ พร้อมติดตามสภาพอากาศและวางแผนปฏิบัติการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ก่อนสิ้นสุดฤดูฝนนี้ เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้กับเขื่อนภูมิภาพและเขื่อนอื่นๆ ที่มีปริมาณน้ำต้นทุนยังไม่ถึงเป้าให้มากที่สุด


นายสำเริงยังได้กล่าวถึงแผนการปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ ประจำปี 2565 ด้วยว่า แบ่งเป็น 4 ช่วง ช่วงที่ 1 (ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน) จะเน้นแผนบรรเทาปัญหาหมอกควันและไฟป่า (ลดความหนาแน่นของหมอกควัน และลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 รวมทั้งการเพิ่มความชุ่มชื้นให้พื้นที่ป่าไม้)

ช่วงที่ 2 (ระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม) เน้นแผนการยับยั้งการเกิดพายุลูกเห็บ (บรรเทาและลดความเสียหายจากการเกิดพายุลูกเห็บในพื้นที่การเกษตร) ช่วงที่ 3 (ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-กันยายน) เน้น แผนการป้องกันและแก้ไขภัยแล้ง (สร้างความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่ป่าไม้ และเพิ่มปริมาณน้ำฝนในพื้นที่เกษตรกรรม) และช่วงที่ 4 (ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-ตุลาคม) เน้นแผนการเติมน้ำต้นทุนให้เขื่อนกักเก็บน้ำ (เพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักให้กับเขื่อนต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อสำรองไว้เป็นน้ำต้นทุนในการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้ง)








กำลังโหลดความคิดเห็น