xs
xsm
sm
md
lg

ภาคธุรกิจถามกลับ “พิสูจน์บั้งไฟพญานาคแล้วได้อะไร” บั่นสัมพันธ์ไทย-ลาว/ทำลายศรัทธาชาวบ้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หนองคาย - เลขานุการหอการค้าจังหวัดหนองคายวอนผู้ที่ต้องการพิสูจน์บั้งไฟพญานาคว่าเป็นการยิงปืนจากฝั่งลาวต้องคิดให้เยอะ พร้อมถามกลับพิสูจน์แล้วได้อะไร ขณะที่ผลกระทบด้านลบตามมามากมาย โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องประชาชนสองฝั่งโขงและความเชื่อศรัทธาของชาวบ้านริมแม่น้ำโขง


จากการที่เพจพิสูจน์บั้งไฟพญานาคได้พยายามสร้างกระแสว่าลูกไฟที่โผล่ขึ้นจากลำน้ำโขงในคืนวันออกพรรษาของทุกปี ซึ่งชาวบ้านในจังหวัดหนองคายและชาวอีสานเชื่อว่าเป็นบั้งไฟพญานาคนั้น แท้จริงแล้วเป็นการยิงปืนจากคนลาวที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับจุดที่นักท่องเที่ยวเห็นจากฝั่งริมแม่น้ำโขงฝั่งไทย ทันทีที่ข้อมูลนี้เผยแพร่ออกไปสร้างความสับสนระคนไม่พอใจให้แก่ชาวบ้านริมแม่น้ำโขงในพื้นที่จังหวัดหนองคายบางส่วนที่พวกเขาเห็นลูกไฟดังกล่าวมากันตั้งแต่เกิดย้อนหลังไป 50-60 ปีก่อน

ล่าสุด นางดวงใจ สุขเกษมสิน เลขานุการหอการค้าจังหวัดหนองคาย เปิดเผยว่า ตนมาอยู่ที่ จ.หนองคายตั้งแต่ปี 2527 ชาวหนองคายบอกว่าวันออกพรรษา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 จะมีบั้งไฟพญานาค ก็ได้ไปดูบั้งไฟพญานาค นั่งรอประมาณหนึ่งชั่วโมง ก็อธิษฐานว่าถ้ามีจริงขึ้นมาให้ดูหน่อย ไม่นานก็ขึ้นมาให้เห็นต่อหน้า และยังไม่มืดด้วย มองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าขึ้นมาจากกลางน้ำโขง และจำนวนบั้งไฟก็ขึ้นเยอะกว่าทุกวันนี้ด้วยซ้ำ ยืนยันได้ว่าไม่ใช่การยิงปืน เพราะบั้งไฟพญานาคขึ้นกลางน้ำโขงต่อหน้าเลย ซึ่งตอนนั้นคนไม่เยอะ

นางดวงใจ สุขเกษมสิน เลขานุการหอการค้าจังหวัดหนองคาย
กรณีที่เป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ที่เพจพิสูจน์บั้งไฟพญานาคว่าเป็นการยิงปืน ถ้าดูจากคลิปของเพจก็ไม่เถียงเพราะมีหางเหมือนการยิงจริง แต่สิ่งที่เกี่ยวข้องกับศรัทธา คนที่มาหนองคายมาดูบั้งไฟพญานาค ตามปรากฏการณ์ธรรมชาติ ก็ดึงคนที่มีความเชื่อต่อพญานาค ศรัทธาว่าพญานาคมีจริงทำให้คนหลั่งไหลมาดูที่หนองคายเยอะมาก ถ้าไม่ติดว่ามีโควิด-19 แต่ละปีคนไม่ต่ำกว่า 2-3 แสนคน สามารถสร้างรายได้ให้ชาวบ้านแต่ละครั้งเป็นร้อยล้านบาท เป็นบารมีของพญานาคตามความเชื่อ แต่การที่ยิงปืนก็อาจจะมีเป็นการยิงเฉลิมฉลองวันออกพรรษา บางทีฝั่งไทยก็มีจุดพลุด้วย ส่วนคนที่ไม่ศรัทธาก็พยายามหาจุดที่จะบอกว่าไม่ใช่ จึงไม่เห็นของจริง




อย่างไรก็แล้วแต่ ประเด็นแบบนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน การที่เราจะพิสูจน์อะไรอย่างใดอย่างหนึ่งจะต้องคิดก่อนว่าสิ่งที่เราจะพิสูจน์นั้นพิสูจน์ได้ผลออกมาแล้วจะเกิดอะไรตามมา ผลกระทบจะมีอะไรบ้าง ควรจะฉลาดคิดนิดหนึ่ง เวลาที่เราเถียงกันว่าเป็นการยิงหรือเป็นธรรมชาติเรื่องจะไปจบตรงไหน ที่แน่ๆ คือได้ทะเลาะกัน ไม่มีข้อยุติ ดังนั้น คนที่ทำเรื่องนี้ อย่างน้อยไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นเฉพาะประเทศไทยประเทศเดียว แต่ไปเกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นมหามิตรด้วย ประชาชนสองฝั่งโขงไทย-ลาวมีความเชื่อเรื่องบั้งไฟพญานาค จะเกิดผลกระทบด้านจิตใจของคนที่เชื่อและศรัทธา

“คนที่ไม่เชื่อและอยากพิสูจน์ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ อยากฝากว่าใครก็ตามที่จะทำเรื่องพวกนี้ต้องคิดให้เยอะถึงผลกระทบที่จะตามมาด้วย และมั่นใจว่าปีหน้าคนจะมามากกว่านี้อีก” นางดวงใจกล่าว




กำลังโหลดความคิดเห็น