เชียงใหม่ - โควิด-19 คลัสเตอร์ตลาดประตูเชียงใหม่ยังหนักพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 43 ราย เตรียมนำแนวทางควบคุมโรคเช่นเดียวกับตลาดวโรรสมาใช้ โดยปิดฆ่าเชื้อ 3 วัน และกลับมาเปิดภายใต้มาตรการป้องกันควบคุมโรค ด้านคลัสเตอร์ตลาดเมืองใหม่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง หลังพบมีการแพร่กระจายไปยังชุมชนแรงงานต่างด้าวที่อยู่ใกล้เคียง
เย็นวันนี้ (24 ต.ค. 64) คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่รายงานสถานการณ์การระบาดโรคโควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่วันนี้ว่า พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 25 ปี มีประวัติโรคประจำตัวเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องและวัณโรคปอด ติดเชื้อจากการเป็นผู้ต้องขังในเรือนจำ ไม่มีประวัติการฉีดวัคซีน เคยติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม และได้รับการรักษาตัวจนหายดี ต่อมา วันที่ 25 กันยายน เริ่มมีไข้ อ่อนเพลีย ไอมาก จึงไปตรวจที่โรงพยาบาลแม่แตง พบว่าติดเชื้อโควิด-19 ซ้ำ ต่อมามีอาการหายใจเหนื่อยมากขึ้น ออกซิเจนในเลือดต่ำ แพทย์ได้ใส่ท่อช่วยหายใจ และส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลนครพิงค์ แพทย์ให้การรักษาแบบประคับประคองอาการเรื่อยมา จนกระทั่งวันที่ 23 ตุลาคมระบบหายใจล้มเหลว และเสียชีวิตลง
ด้านสถานการณ์ผู้ติดเชื้อรายใหม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 352 ราย เป็นผู้ติดเชื้อที่เดินทางจากต่างจังหวัดคือ กทม.เพียง 1 รายเท่านั้น ส่วนผู้ติดเชื้ออีก 351 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัด โดยสัมผัสจากผู้ติดเชื้อรายก่อนหน้า 41 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 39 ราย เป็นการระบาดในครอบครัว 50 ราย และมาจากคลัสเตอร์ต่างๆ ซึ่งแยกเป็นคลัสเตอร์เดิมที่อยู่ระหว่างการควบคุมโรค 112 ราย ส่วนใหญ่อยู่ระหว่างการกักตัว จึงไม่มีผู้สัมผัสเพิ่มเติม เช่น ชุมชนต่างด้าวหลังวัดป่าแพ่ง ตำบลช้างม่อย 8 ราย, หมู่ 1 ตำบลบ่อสลี อำเภอฮอด 7 ราย, วัดหัวฝาย หมู่ 2 ตำบลบ้านกาด อำเภอแม่วาง 7 ราย, ตลาดต้นลำไย 6 ราย, บริษัทเซราพอต หมู่ 3 ตำบลป่าป้อง อำเภอดอยสะเก็ด 6 ราย, ชุมชนต่างด้าว หมู่ 4 บ้านร้องอ้อ ตำบลสันผีเสื้อ 5 ราย, ร้านมือสองหนองหอย 5 ราย, งานศพ ตำบลสันต้นหมื้อ อำเภอแม่อาย 4 ราย นอกนั้นพบแห่งละ 1-3 ราย
ส่วนการระบาดจากคลัสเตอร์ที่ยังมีการระบาดต่อเนื่องอีก 108 ราย ได้แก่ คลัสเตอร์ตลาดประตูเชียงใหม่ 43 ราย, หมู่ 7 ตำบลหางดง อำเภอฮอด 32 ราย, สวนส้มแม่เลย ตำบลสะเมิงเหนือ อำเภอสะเมิง 6 ราย, ชุมชนต่างด้าว หมู่ 8 ตำบลป่าไผ่ อำเภอสันทราย 5 ราย, วิทยาลัยโปลิเทคนิคลานนา 5 ราย, แคมป์บ้านน้ำบ่อเย็น หมู่ 11 ตำบลป่าแดด อำเภอเมืองเชียงใหม่ 4 ราย, โรงงานเย็บผ้า หมู่ 7 ตำบลสันผักหวาน อำเภอหางดง 3 ราย และอีกหลายแห่งที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 1-2 ราย
สำหรับคลัสเตอร์ตลาดประตูเชียงใหม่ พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 43 ราย รวมผู้ติดเชื้อทั้งหมด 56 ราย ส่วนใหญ่เป็นการตรวจคัดกรองโดยรถพระราชทานอยู่ระหว่างการแยกกลุ่มว่าเป็นกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ผู้ใช้บริการ หรือผู้ที่มาขอตรวจจากตลาดอื่น และจะได้นำแนวทางของตลาดวโรรสมาใช้ คือ ปิดดำเนินการเพื่อฆ่าเชื้อโรค 3 วัน และกลับมาเปิดดำเนินการได้ภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมโรค โดยทุกคนต้องมีผลการตรวจภายใน 3 วัน เป็นลบ ฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม และตรวจ ATK ทุกสัปดาห์ติดต่อกัน 4 สัปดาห์ หลังเปิดดำเนินการแล้ว ส่วนวันที่จะเริ่มปิดตลาดทางเทศบาลนครเชียงใหม่จะแจ้งอีกครั้ง
คลัสเตอร์หมู่ 7 ตำบลหางดง อำเภอฮอด พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 32 ราย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 53 ราย ส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อจากการสัมผัสในชุมชน ตรวจพบจากการลงตรวจเชิงรุกและค้นหากลุ่มเสี่ยงเพิ่ม และการสัมผัสในครอบครัว อยู่ระหว่างการกักตัว ขณะนี้ทางอำเภอฮอดได้ทำการเปิด CI ในพื้นที่เพื่อแยกกักกลุ่มที่เป็นผลบวกแล้ว
คลัสเตอร์ตลาดเมืองใหม่ พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 24 ราย ยอดรวม 1,380 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่พบระหว่างการกักตัว ยังต้องมีการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องต่อไป และขยายการเฝ้าระวังออกไปยังชุมชนต่างด้าวละแวกใกล้เคียง เนื่องจากมีการพบคลัสเตอร์ในชุมชนแรงงานต่างด้าวใกล้เคียงตลาดเมืองใหม่อีกหลายคลัสเตอร์ เช่น คลัสเตอร์ชุมชนหลังวัดป่าแพ่ง พบผู้ติดเชื้อ 8 ราย ยอดรวมอยู่ที่ 10 ราย ส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อจากการสัมผัสในชุมชน เพราะเป็นชุมชนที่อาศัยกันอยู่อย่างแออัด และกักตัวแยกจากคนอื่นได้ยาก ทางเทศบาลนครเชียงใหม่อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการ LQ เพื่อกักตัวในพื้นที่โดยเร็ว
คลัสเตอร์ตลาดวโรรส พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 12 ราย ส่วนตลาดต้นลำไยพบเพิ่มอีก 6 ราย ยังคงพบระหว่างการกักตัวเป็นส่วนใหญ่ โดยตลาดวโรรส ส่วนใหญ่ยังตรวจพบในผู้ที่มีประวัติเข้าไปใช้บริการ แต่ตลาดต้นลำไยเป็นผู้สัมผัสในครอบครัว จึงต้องดำเนินการควบคุมกลุ่มเสี่ยงอย่างจริงจังต่อไป
นอกจากนี้ยังพบคลัสเตอร์ใหม่ ที่ชุมชนต่างด้าว หมู่ 4 บ้านร้องอ้อ ตำบลสันผีเสื้อ อำเภอเมืองเชียงใหม่ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5 ราย ยอดรวมอยู่ที่ 18 ราย ยังคงเป็นการตรวจพบจากการค้นหากลุ่มเสี่ยง และตรวจเชิงรุก เป็นผู้สัมผัสในชุมชนเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากมีความเป็นอยู่ที่แออัดเช่นเดียวกันกับชุมชนต่างด้าวบริเวณรอบตลาดเมืองใหม่