ศูนย์ข่าวศรีราชา - ตามติดชีวิตหนุ่มเจ้าของโรงกลึงประกาศขายไตกลางแยกไฟแดง จ.ฉะเชิงเทรา เผยไม่มีทางออกแล้วหลังต้องแบกหนี้นอกระบบหลายล้านบาท ขณะที่แม่ยายเผยทั้งน้ำตาสงสารหลาน เชื่อลูกเขยหมดหนทาง วันนี้ยังต้องขายกล้วยปิ้งหารายได้ช่วย
จากกรณีที่ นายธนกฤต พันธ์สิงห์สอน อายุ 36 ปี ชาว จ.ชัยภูมิ เจ้าของโรงกลึงใน อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ได้เดินถือป้ายประกาศขายไตกลางแยกไฟแดงกองพลทหารราบที่ 11 คอมเพล็กซ์ ต.บางตีนเป็ด อ.เมืองฉะเชิงเทรา พร้อมระบุว่า ต้องการขายไต 1 ข้าง เพื่อนำเงินไปใช้หนี้นอกระบบที่เกิดจากปัญหาทางธุรกิจจากพิษการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
และส่วนหนึ่งยังจะเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาให้ลูก 2 คน แต่ภาพที่สร้างความสะเทือนใจให้ผู้พบเห็นคือ ภาพของบุตรสาววัย 6 ปีที่เดินร้องไห้กอดเอวพ่ออยู่ตลอดเวลา จนทำให้ผู้ที่ใช้รถยนต์ผ่านไปมาบนเส้นทางดังกล่าวพากันลดกระจกลงเพื่อสอบถาม บางรายยังมอบเงินให้เพื่อช่วยเหลือในเบื้องต้นนั้น
วันนี้ (18 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัท ธนกฤต จิ๊กซัพพลาย จำกัด โดยพบกับ นางปภาดา แก้วปัชชา อายุ 51 ปี แม่ยายและเด็กหญิงวัย 6 ขวบ รวมทั้งเด็กชายวัยเพียง 4 ขวบ ซึ่งเป็นลูกของ นายธนกฤต เจ้าของโรงกลึง
โดย นางปภาดา เผยทั้งน้ำตาว่า ตนเองเป็นอีกผู้หนึ่งที่รู้สึกท้อแท้แทนลูกเขยที่ต้องประสบปัญหาจากการระบาดของโรคโควิด-19 ซ้ำยังรู้สึกเห็นใจในสิ่งที่ลูกเขยตัดสินใจถือป้ายเดินเร่ขายไต เพราะเชื่อว่าคงถึงที่สุดของชีวิตแล้ว
“วันที่เขาออกไปเดินถือป้ายเร่ขายไตเขาออกไปกับลูกสาวโดยไม่ได้บอกใครให้รู้ เพราะตัวเองต้องออกไปขายกล้วยปิ้งเพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว กระทั่งเมื่อ 2 พ่อลูกกลับถึงบ้านหลานสาวจึงมาเล่าให้ฟังว่า พ่อจะไปผ่าท้องและยังพูดไปร้องไห้ไปกระทั่งรู้ความจริง”
นางปภาดา ยังบอกอีกว่า ตนเองทำได้เพียงแต่ให้กำลังใจลูกเขยและได้แต่กลัวว่าจะทำในสิ่งที่ประกาศไปจริง เพราะหากเจ้าตัวเป็นอะไรไปทุกอย่างที่ทำไว้อาจจะหมดสิ้นลงได้ และวันนี้ยังสงสารหลานทั้ง 2 คนเป็นอย่างมาก
ขณะที่ นายธนกฤต เจ้าของโรงกลึงกล่าวว่า ตนเองได้ทำธุรกิจโรงกลึงมานานกว่า 7 ปี กระทั่งเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ลูกค้าลดลงแต่ตนเองยังต้องแบกภาระในการดูแลพนักงานเกือบ 20 คน และเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ธุรกิจประสบปัญหาหนักมากจนต้องกู้ยืมเงินนอกระบบเพื่อจ่ายเป็นเงินเดือนให้พนักงาน
“วันนี้ไม่รู้ว่าจะหาทางออกอย่างไรแล้ว เพราะเมื่อออกไปวิ่งหางานใช่ว่าจะได้เพราะเราเองไม่มีเส้นสาย อีกทั้งในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 การจะออกไปหางานต้องมีใบรับรองการฉีดวัคซีนก่อนเข้าโรงงานผลิต ซึ่งขณะนี้ต้องแบกภาระจ่ายดอกรายวันให้เจ้าหนี้เงินกู้สูงมาก”
พร้อมยังบอกอีกว่า วานนี้ตนเองได้เดินทางไปกราบไหว้ของพรจากหลวงพ่อโสธร ที่ จ.ฉะเชิงเทรา แต่สุดท้ายยังไม่สามารถหาทางออกให้ตัวเองได้ จึงตัดสินใจประกาศขายไตทั้งที่รู้ว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
“เพราะเห็นว่ามันมีทางเดียวที่จะช่วยตัวเองและครอบครัวได้เลยตัดสินใจว่าจะขายอวัยวะส่วนตัวที่อยู่ในร่างกายของเราเอง ดีกว่าจะไปปล้นไปจี้หรือไปฆ่าใคร และตอนนี้เป็นหนี้หลายล้านบาทแล้ว ” นายธนกฤต กล่าว