ชัยภูมิ - พายุ “คมปาซุ” แผลงฤทธิ์หอบฝนถล่มซ้ำชัยภูมิ เกิดน้ำป่าจากเทือกเขาภูเขียว-ภูหยวกไหลทะลักท่วม อ.ภูเขียว อ่วมสุดในรอบ 10 ปี ถนน-บ้านเรือนประชาชนจมกว่า 1,000 หลังคา น้ำไหลเชี่ยวสูงกว่า 40-50 ซม. ขนสิ่งของ เคลื่อนย้ายรถ จยย. รถยนต์ หนีน้ำท่วมอลหม่าน และต้องปิดการจราจร รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านเข้า-ออกตัวเมืองภูเขียวได้ ระทึกคนขับติดในรถเก๋งลอยไปตามกระแสน้ำ
วันนี้ (16 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “คมปาซุ” ส่งผลให้หลายพื้นที่ของ จ.ชัยภูมิฝนตกหนักต่อเนื่องมา 2-3 วันโดยเฉพาะพื้นที่ อ.คอนสาร และ อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากทะลักจากเทือกเขาภูเขียว-ภูหยวก อ.คอนสาร เข้าท่วมถนน และบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ อ.ภูเขียว ทั้งเขต ต.กวางโจน ต.ผักปัง ต.ภูเขียว และตัวเมืองในเขตเทศบาลตำบลภูเขียว อ.ภูเขียว ระดับน้ำท่วมบนถนนสูงกว่า 40-50 เซนติเมตรและกระแสน้ำไหลแรง ชาวบ้านต้องเร่งขนย้ายสิ่งของหนีน้ำท่วมกันอลหม่าน รวมทั้งรถจักรยานยนต์ รถยนต์ ต้องเร่งเคลื่อนย้ายออกจากบ้านไปอยู่ในพื้นที่สูง
เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งหน่วยกู้ภัยเร่งเข้าช่วยเหลือประชาชนที่น้ำป่าไหลทะลักเข้าท่วมชั้นล่างของตัวบ้าน ซึ่งต่างคนต่างเร่งขนย้ายสิ่งของ ทรัพย์สินมีค่า หนีน้ำท่วมแบบไม่ได้ตั้งตัว
ขณะที่ถนนสายต่างๆ ในตัวเมืองภูเขียว ทั้งทางหลวงหมายเลข 201 (ชัยภูมิ-ภูเขียว-ชุมแพ) บริเวณหลังธนาคาร ธ.ก.ส.สาขาภูเขียว จ.ชัยภูมิ น้ำท่วมสูงและไหลเชี่ยว รถยนต์ทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ท่ามกลางยังมีฝนตกลงมาตลอดทั้งวัน และน้ำป่ายังไหลมาสมทบอย่างต่อเนื่อง ชาวบ้านบอกว่าไม่เคยเจอน้ำท่วมหนักขนาดนี้มาก่อนในรอบกว่า 10 ปี
ขณะเดียวกันน้ำป่ายังไหลทะลักเข้าท่วมโรงเรียนกวางโจนศึกษา ต.กวางโจน อ.ภูเขียว อาคารเรียนชั้นล่างของโรงเรียนถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหาย โดยน้ำท่วมครั้งนี้นับเป็นรอบที่ 2 หลังน้ำท่วมจากอิทธิพลพายุเตี้ยนหมู่เมื่อช่วงปลายเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้ถือว่าหนักที่สุดในรอบ 10 ปี เบื้องต้นมีประชาชนในพื้นที่ อ.ภูเขียวได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมแล้วกว่า 1,000 ครอบครัว รวมทั้งต้องปิดเส้นทางการจราจรห้ามรถทุกชนิดเข้าไปยังถนนกลางตัวเมือง อ.ภูเขียว เป็นการชั่วคราวจนกว่าระดับน้ำท่วมถนนจะลดลง
ช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ ได้เกิดเหตุระทึกขึ้น เมื่อมีชายวัยกลางคนเดินทางมาจากต่างพื้นที่ได้พยายามขับรถเก๋งผ่านตัวเมืองอำเภอภูเขียว เพื่อจะไปอำเภอคอนสาร แต่ขับรถผ่านชุมชนในเขตเทศบาลตำบลภูเขียวไปได้ไม่นานก็เกิดน้ำป่าทะลักเข้าท่วมสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนรถเก๋งต้านกระแสน้ำไม่ไหวได้ยกตัวลอยขึ้นและไหลไปตามกระแสน้ำพร้อมคนขับติดอยู่ภายในรถออกมายังไม่ได้ ก่อนที่จะมีชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงเห็นเหตุการณ์พยายามนำอุปกรณ์และเชือก เดินฝ่ากระแสน้ำเข้าไปช่วยคนขับรถเก๋ง บอกให้เปิดกระจกรถแล้วปีนออกมาทางหน้าต่างรถ และใช้เชือกลากให้เดินฝ่ากระแสน้ำเอาชีวิตรอดออกมาได้อย่างหวุดหวิด ก่อนปล่อยให้รถเก๋งลอยไปตามกระแสน้ำ แล้วค่อยมาติดตามเอารถไปซ่อมแซมในภายหลัง พร้อมช่วยประสานแจ้งญาติมารับกลับบ้าน