ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - เจ๋งมาก! “ทองไมย์ เทพราม” อาจารย์ทัศนศิลป์ ม.ราชภัฏโคราช สร้างชื่อระดับประเทศ คว้ารางวัลยอดเยี่ยมการประกวดศิลปกรรม ปตท.ครั้งที่ 36 ในชื่อผลงาน “ปั่นตามแสงสว่างแห่งความหวังฯ” พร้อมเงินรางวัล 2 แสน เผยสุดภาคภูมิใจกวาด 3 รางวัลใหญ่ต่อเนื่อง
วันนี้ (15 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร่วมกับมหาวิทยาลัยศิลปากร ได้จัดการประกวดศิลปกรรม ปตท. ครั้งที่ 36 ประจำปี 2564 ในหัวข้อ “โลกเปลี่ยนไป พลังไทยสร้างอนาคต” ขึ้น โดยแบ่งผู้เข้าประกวดออกเป็น 2 ระดับ คือ ระดับประชาชนทั่วไป และระดับเยาวชน นั้น
ล่าสุด บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศผลการตัดสินการประกวดผลงานศิลปกรรมครั้งที่ 36 ว่า คณะกรรมการฯ ได้คัดเลือกและตัดสินผลงานที่เข้าประกวดจำนวน 453 ชิ้น จากจำนวนศิลปินที่ส่งผลงานจำนวน 403 คน โดยมีผลการตัดสินให้ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมจำนวน 4 รางวัล รางวัลดีเด่น จำนวน 20 รางวัล และมีผลงานที่ได้ร่วมแสดงอีกจำนวน 99 ผลงาน
สำหรับผลงานที่ได้รับรางวัลระดับประชาชนทั่วไป รางวัลยอดเยี่ยม จำนวน 1 รางวัล คือ ผศ.ทองไมย์ เทพราม อาจารย์ประจำหลักสูตรศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาทัศนศิลป์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ผลงานชื่อ “ปั่นตามแสงสว่างแห่งความหวัง ปลูกฝังจิตสาธารณะให้กับชีวิต คืนความเป็นมิตรให้กับธรรมชาติ มอบพลังงานสะอาดให้กับสังคม” ขนาด 145×195 เซนติเมตร โดยใช้เทคนิคสีอะคริลิกและดินสอบนผ้าใบ ได้รับเงินรางวัล 200,000 บาท
พร้อมกันนี้ยังมีผลงานของอาจารย์และนักศึกษา หลักสูตรศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาทัศนศิลป์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ได้รับการคัดเลือกให้ร่วมแสดงระดับประชาชนทั่วไปอีกจำนวน 2 ผลงาน ประกอบด้วย ผลงานของ อ.อาวุธ คันศร ชื่อ “ความฝันของ ด.ญ.มัชฌิมา” และผลงานของ นายสามารถ พืบขุนทด ชื่อ “รู้ รัก สามัคคี”
ทางด้าน ศ.ดร.สามารถ จับโจร ผู้ทรงคุณวุฒิด้านประติมากรรม อาจารย์ประจำหลักสูตรศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาทัศนศิลป์ และ ผศ.ดร.สกุล วงษ์กาฬสินธุ์ คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ได้มอบช่อดอกไม้ร่วมแสดงความยินดีกับ ผศ.ทองไมย์ เทพราม และเป็นกำลังใจในการรังสรรค์ผลงานจนได้รับรางวัลยอดเยี่ยมระดับประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่คณาจารย์และนักศึกษาของมหาวิทยาลัยต่อไป
ผศ.ทองไมย์ เทพราม เปิดเผยถึงแนวคิดการสร้างสรรค์ผลงาน “ปั่นตามแสงสว่างแห่งความหวังฯ” ที่คว้ารางวัลยอดเยี่ยมจากการประกวดผลงานศิลปกรรมระดับประเทศในครั้งนี้ว่า จากข้อความ “ผู้มีปัญญาพึงเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส พึงเปลี่ยนอุปสรรคให้เป็นอุปกรณ์” ของพระเมธีวชิโรดม เป็นวิธีการมองโลกของนักปราชญ์ผู้มีปัญญาด้วยวิธีการคิดเชิงบวก ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์ต่างๆ มากมาย เช่น วิกฤตโรคระบาด วิกฤตด้านพลังงาน วิกฤตศรัทธาในมิติทางสังคม สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะแก้ไขได้ต้องใช้วิธีการคิดเชิงบวก คือคิดด้วยสติและปัญญา จึงจะส่งผลให้เกิดกำลังใจในการดำรงชีวิต เกิดแสงสว่างแห่งความคิดและความหวัง ให้สามารถแก้ไขปัญหาต่อสู้กับวิกฤตการณ์ได้อย่างถูกทิศถูกทาง
ตนจึงสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมชิ้นนี้เพื่อกระตุ้นความคิดเชิงบวก โดยใช้ตัวละครจากภาพยนตร์เรื่อง วอลล์-อี หุ่นจิ๋วหัวใจเกินร้อย ซึ่งเป็นภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชันที่สอดแทรกแนวคิดของการรักษ์โลก การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและพลังงาน มาสร้างสรรค์ใหม่โดยใส่ใบหน้าของตนเอง ภรรยา และลูกสาว เป็นตัวละครในภาพที่กำลังปั่นจักรยานพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานสะอาด มองไปข้างหน้าด้วยแววตาที่มีความหวัง
โดยใช้จิตวิทยาเรื่องสีสร้างความหมายเชิงสัญลักษณ์ให้กับรูปทรง เป็นการรณรงค์และปลูกฝังจิตสำนึกสาธารณะที่ดีให้แก่ครอบครัวและสังคม เพราะตนมองว่าการสร้างผู้ใหญ่ที่ดีมีคุณภาพต้องสร้างตั้งแต่ยังเด็ก การพัฒนาสังคมประเทศชาติต้องเริ่มจากสถาบันที่เล็กที่สุด คือ ครอบครัว
ผศ.ทองไมย์กล่าวอีกว่า นับตั้งแต่ช่วงปลายปี พ.ศ. 2563 เป็นต้นมาดูเหมือนว่าช่วงชีวิตของตนประสบความสำเร็จในหลายด้าน ทั้งด้านหน้าที่การงานในฐานะอาจารย์สอนศิลปะในสถาบันอุดมศึกษา และด้านการสร้างสรรค์ผลงานศิลปกรรมในฐานะคนทำงานศิลปะ ความสำเร็จดังกล่าวคงไม่ได้วัดด้วยจำนวนเงินที่เป็น “มูลค่า” ของรางวัลที่ได้รับ แต่เป็น “คุณค่า” ที่มีความหมาย เป็นกล่อง และเกียรติที่น่าภาคภูมิใจ
โดยเฉพาะ 3 รางวัลสำคัญ คือ รางวัลชนะเลิศประเภทศิลปินอาชีพ จากการประกวดจิตรกรรมยูโอบี ประจำปี 2563 (ประเทศไทย) ในชื่อผลงาน “Super Strength In Unity (รวมพลังประจัญบาน)” เทคนิค สีอะคริลิกและดินสอบนผ้าใบ ขนาด 110x80 เซนติเมตร ได้รับเงินรางวัล 750,000 บาท, 2. รางวัลรองชนะเลิศ จากการประกวดศิลปกรรมช้างเผือก ครั้งที่ 10 ในชื่อผลงาน “เดินตามแสงแห่งปัญญา ยึดมั่นพลังศรัทธาในความดี มโนธรรมสำนึกที่มนุษย์พึงมี” เทคนิคสีอะคริลิกและดินสอบนผ้าใบ ได้รับพระราชทานโล่รางวัลจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเงินรางวัล 200,000 บาท
และล่าสุดรางวัลยอดเยี่ยมจากการประกวดศิลปกรรม ปตท. ครั้งที่ 36 ได้รับเงินรางวัล 200,000 บาท ซึ่งนับเป็นเกียรติอันสูงสุดแก่วงศ์ตระกูลและครอบครัวของตนอย่างหาที่สุดมิได้
ทั้งนี้ ต้องขอขอบพระคุณ พ่อทวี-แม่ประพันธ์ เทพราม บิดา มารดา ผู้ให้กำเนิด เลี้ยงดู และเป็นแบบอย่างในการดำรงชีวิตที่ดีงาม มีคุณธรรม จริยธรรม และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ขอบพระคุณ ครู อาจารย์ และสถานศึกษา โรงเรียนบ้านหินลาด โรงเรียนประโคนชัยพิทยาคม มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และมหาวิทยาลัยศิลปากร ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชา ให้ความรู้และสติปัญญาในการครองตน ขอบพระคุณ ญาติพี่น้อง กัลยาณมิตร และลูกศิษย์นักศึกษา ที่คอยให้กำลังใจและช่วยเหลือในการทำงานจนสำเร็จลุล่วงด้วยดีเสมอมา
และสุดท้ายขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆ ท่านในการฟันฝ่าทุกอุปสรรค และทุกวิกฤต ให้ทุกชีวิตได้เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส ได้เปลี่ยนอุปสรรคให้เป็นอุปกรณ์ และครองตนด้วยความไม่ประมาท อย่าท้อแท้สิ้นหวัง ดังวลีสอนลูกศิษย์ของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) “ชีวิตมีขึ้นมีลง เวลาขึ้นอย่าหลง เวลาลงอย่าท้อ” ผศ.ทองไมย์กล่าวในตอนท้าย