ศูนย์ข่าวศรีราชา - เจ้าของฟาร์มหมูใน จ.ตราด และจันทบุรี เร่งขนย้ายหมูออกจากพื้นที่หลังถูกน้ำเอ่อเข้าท่วมจนต้องปล่อยหมูนอนแช่น้ำหลายวัน หวั่นปล่อยทิ้งอาจถึงตาย โดยที่ตราดจำใจขายคืนโรงงานในราคาขาดทุน ส่วนจันทบุรี มีเจ้าหน้าที่ทหารเข้าช่วย
จากอิทธิพลพายุโซนร้อนกำลังแรง "คมปาซุ" ที่พาดผ่านพื้นที่ประเทศไทยจนทำให้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออกในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา ส่งผลให้ทั้ง จ.สระแก้ว ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด ถูกน้ำท่วมหนัก
โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.จันทบุรี และตราด พบว่ามีบ้านเรือนประชาชนและสวนผลไม้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมากนั้น
ล่าสุด วันนี้ (14 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สถานการณ์น้ำท่วมใน จ.จันทบุรี และตราด ไม่เพียงแต่จะทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเท่านั้น แต่เจ้าของฟาร์มเลี้ยงหมูใน 2 จังหวัดยังต้องเร่งอพยพประชากรหมูออกจากพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมขังเพื่อป้องกันหมูจมน้ำตาย
โดย นายวัลลภ อูร่า เจ้าของฟาร์มเลี้ยงหมูในพื้นที่บ้านคลองขุด ต.ห้วยแร้ง อ.เมืองตราด ซึ่งเลี้ยงหมูไว้มากถึง 1,600 ตัว และได้ถูกน้ำที่เอ่อล้นจากคลองห้วยแร้งเข้าท่วมทั้งแต่วันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา ทำให้หมูที่เลี้ยงต้องเกาะคอกอยู่นานตลอดทั้งคืน
บางส่วนที่ขนย้ายออกนอกพื้นที่ไม่ทันต้องล้มตายลง ขณะที่บางส่วนต้องปล่อยให้อยู่นอกคอก และอยู่ภายในสวนผลไม้ของชาวบ้านที่อยู่ใกล้ฟาร์ม
และในวันนี้ต้องตัดสินใจขายหมูคืนในราคาขาดทุนให้โรงงานรับซื้อเนื่องจากไม่สามารถปล่อยให้หมูอยู่ในพื้นที่ที่มีแต่กระแสน้ำได้ พร้อมยอมรับว่าขณะนี้ได้รับความเสียหายมาก ซึ่งการขนย้ายหมูในวันนี้นอกจากจะมีลูกจ้างเลี้ยงหมูช่วยทำการขนย้ายแล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่ทหารพรานในพื้นที่ช่วยกระจายหมูที่เหลือไปในพื้นที่สวนผลไม้บางส่วนด้วย
ทหารช่วยขนย้ายหมูกว่า 1,000 ตัวใน จ.จันทุบรี
เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองทัพไทย กว่า 20 นาย ที่ได้นำเรือท้องแบนเข้าสนับสนุนการขนย้ายสุกรกว่า 1,000 ตัวของบริษัท กสิกรฟาร์ม ซึ่งอยู่ในพื้นที่บ้านบ่อเจริญ ต.บ่อ อ.ขลุง จ.จันทบุรี ที่ถูกน้ำเอ่อเข้าท่วมบริเวณคอกจนทำให้สุกรต้องนอนแช่น้ำเป็นเวลาหลายวัน จนเจ้าของบริษัทหวั่นว่าหากปล่อยให้หมูนอนแช่น้ำเป็นเวลานาน อาจเกิดโรคจนล้มตาย