เชียงใหม่ - ผู้บัญชาการภาค 5 นำแถลงผลงานตำรวจเชียงใหม่ตามแกะรอยไล่จับกันถึงป่าช้าเชียงดาว..แก๊งยานรกนัดรับเฮโรอีนสิงโตคู่เหยียบลูกโลกล็อตใหญ่ รวม 35 กก. เตรียมลำเลียงผ่านเครือข่ายเข้าพักรอในเชียงใหม่ก่อนขนล่องลงส่งกลุ่มค้ายาหาดใหญ่
วันนี้ (11 ต.ค. 64) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ พลตำรวจโท ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วย พลตำรวจตรี วรพงษ์ คำลือ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 และพลตำรวจตรี ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ได้แถลงข่าว กรณีชุดสืบสวนหาข่าวและสกัดกั้นยาเสพติด ภ.จว.เชียงใหม่ ได้ร่วมกันจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่ พร้อมของกลางเฮโรอีน รวมน้ำหนักถึง 35 กก. ที่ลักลอบขนลำเลียง โดยคาดว่าเตรียมนำส่งเครือข่ายผู้ค้าซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์มูเซอในพื้นที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
การจับกุมมีขึ้นหลังเจ้าพนักงานตำรวจได้ข้อมูลจากสายลับว่ามีเครือข่ายค้ายาเสพติดกลุ่ม “นายลี” ซึ่งเป็นคนเชื้อสายจีน และเครือข่ายนายจะนะ ไม่ทราบนามสกุล ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ จะลำเลียงยาเสพติดจากแนวชายแดนเขตติดต่อพื้นที่ อ.ฝาง และ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เข้ามาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และจะส่งต่อไปยังเครือข่ายยาเสพติดที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
สายลับให้ข้อมูลอีกว่าเครือข่ายยาเสพติดกลุ่มนี้จะลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากผ่านเส้นทางปิงโค้ง-บ้านทุ่งข้าวหลวง (ถ.3002) ต.ทุ่งข้าวพวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เข้าสู่พื้นที่ตอนในของเชียงใหม่ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงวางแผน-จัดกำลังเข้าทำการตรวจสอบ
กระทั่งคืนวันที่ 9 ต.ค. 64 เจ้าหน้าที่ตำรวจพบกลุ่มคนต้องสงสัยอยู่ในศาลาที่พักริมทาง สามแยกปิงโค้ง ขาเข้าเมืองฯ ซึ่งจากการสังเกตพบว่ามีการพูดคุยโทรศัพท์โดยการใช้หูฟังอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสงสัยว่าจะทำหน้าที่ดูต้นทางให้กับกลุ่มลำเลียงยาเสพติดตามที่สายลับแจ้ง
ต่อมาเจ้าหน้าที่พบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีเทา หมายเลขทะเบียน ผก 1509 เชียงใหม่ ขับมาจากทาง อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ที่เฝ้าสังเกตการณ์บริเวณดังกล่าวเห็นว่ามีการส่งสัญญาณโดยการชี้ทางให้รถยนต์คันดังกล่าวเลี้ยวขวาที่แยกปิงโค้ง โดยมีชายขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อ สีและหมายเลขทะเบียน ซึ่งจอดรออยู่ขี่นำมุ่งหน้าไปทางบ้านห้วยทรายขาว
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่จึงขับรถติดตามไป พบว่ารถยนต์คันดังกล่าวได้เลี้ยวขวาเข้าไปในสุสานบ้านทุ่งข้าวหลวง ซึ่งสงสัยว่าอาจเป็นรถที่เกี่ยวข้องกับการลำเลียงยาเสพติดตามที่สายลับแจ้ง จึงเดินเท้าเข้าไปเพื่อตรวจสอบ พบผู้ต้องหาทราบชื่อภายหลังคือนายอาทิตย์ จะวอ อายุ 26 ปี ที่อยู่ 36 ม.15 ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ และนายอาคาริ จะอื่อ อายุ 24 ปี ที่อยู่ 401 ม.3 ต.บ้านหลวง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ กำลังยกของวางไว้ที่บริเวณท้ายกระบะรถยนต์
แต่เมื่อกลุ่มผู้ต้องหาเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พากันขับรถยนต์หนีออกจากสุสานโดยเลี้ยวขวาไปทางหมู่บ้านห้วยทรายขาวประมาณ 100 เมตร ก่อนจอดรถทิ้งเนื่องจากล้อหน้าแตกไม่สามารถขับต่อไปได้ แล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าละเมาะข้างทาง เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปจนจับกุมตัวเอาไว้ได้
ตรวจสอบภายในรถพบของกลางเฮโรอีนบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส มีโลโก้สิงโตคู่เหยียบลูกโลก สีแดง น้ำหนักรวมสิ่งบรรจุภัณฑ์ประมาณ 350 กรัม บรรจุในกล่องกระดาษสีขาว ห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกสีดำ จำนวน 2 ใบ รวม 30 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 10,500 กรัม (10.5 กก. และพบเฮโรอีนบรรจุในกล่องกระดาษสีขาว ห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกสีดำ จำนวน 5 ใบ รวม 70 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 24,500 กรัม (24.5 กก.) รวมของกลางทั้งหมด 35 กก.
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกส่วนหนึ่งเข้าทำการจับกุมนายจะอื่อ จะทอป่า อายุ 36 ปี ที่อยู่ 338 ม.10 ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ และนายจะนู (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ที่นั่งรออยู่บริเวณศาลาที่พักริมทางสามแยกปิงโค้ง ขาเข้าเมืองฯ แต่ในชั้นจับกุมทั้งคู่ให้การปฏิเสธว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับการลำเลียงยาเสพติดแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.นาหวายเพื่อดำเนินการสอบสวนตามกฎหมาย
ต่อมาวันที่ 10 ต.ค. 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนนายอาทิตย์ที่โรงพยาบาลนครพิงค์ ซึ่งให้การว่านายอาคาริ จะอื่อ ที่หลบหนีไป ชักชวนคนมารับยาเสพติด โดยให้ค่าจ้าง 5,000 บาท โดยใช้รถยนต์ไปรับ และตกลงกันว่าเมื่อนำยาเสพติดจำนวนดังกล่าวมาแล้วจะรออยู่ที่บริเวณแยกปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ โดยนายอาคาริจะนำยาเสพติดของกลางไปส่งแต่ไม่ได้บอกสถานที่ และเมื่อเสร็จแล้วจะกลับมารับและเดินทางกลับไป อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ รวมทั้งรู้จักและเจอกับนายจะอื่อ จะทอป่า (คนนั่งรอชี้ทางอยู่ในศาลาริมถนนสามแยกปิงโค้ง)
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ระบุว่า การจับกุมและตรวจยึดของกลางยาเสพติดเป็นเฮโรอีนจำนวน 35 กิโลกรัมในครั้งนี้ถือเป็นการจับกุมตรวจยึดของกลางจำนวนมากที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา โดยมีข้อสังเกตด้วยว่าลักษณะการบรรจุหีบห่อแตกต่างจากที่ผ่านมา เพราะไม่ได้บรรจุเป็นแท่ง แต่บรรจุใส่ถุงเหมือนกับแป้งมันที่ใช้ในการประกอบอาหาร สันนิษฐานว่าน่าจะทำเพื่อให้ง่ายต่อการหลบเลี่ยงและการซุกซ่อน ซึ่งตามข้อมูลของชุดสืบสวนทราบว่าเฮโรอีนดังกล่าวนี้ลักลอบลำเลียงเข้ามาจากแนวชายแดนอำเภอแม่อายและอำเภอฝาง เพื่อเข้ามาส่งมอบให้เครือข่ายในตัวเมืองเชียงใหม่ จากนั้นจะส่งต่อไปให้เครือข่ายที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยเชื่อว่ามีเป้าหมายปลายทางอยู่ในต่างประเทศที่มีนักเสพมีความต้องการเฮโรอีน ซึ่งเฮโรอีนจำนวนนี้มีมูลค่าที่ต้นทางภาคเหนือประมาณ 10 ล้านบาท และหากลำเลียงไปถึงพื้นที่ชั้นในประเทศได้จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 1-2 เท่าตัวหรือ 20 ล้านบาท แต่ถ้าส่งออกไปต่างประเทศได้ราคาจะเพิ่มขึ้นไปเป็นหลายร้อยล้านบาทถึงพันล้าน