ศรีสะเกษ - ตำรวจเผยหนุ่มกระบะตีนผีเมาซิ่งชนท้าย จยย.สองสามีภรรยาดับสยองคาที่เจอ 4 ข้อหาหนัก และเจ้าตัวรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
วันนี้ (7 ต.ค.) ความคืบหน้ากรณี นายราเมศ มาด้วง อายุ 47 ปี บ้านเลขที่ 32 หมู่ 6 บ้านแกงเลี้ยว ต.หนองใหญ่ อ.เมืองจันทร์ จ.ศรีสะเกษ ได้ก่อเหตุเมาขับรถกระบะพุ่งชนท้ายรถจักรยานยนต์ของสองสามีภรรยา ลากรถจักรยานยนต์ติดใต้ท้องรถกระบะไปไกลกว่า 200 เมตร ทำให้สองสามีภรรยาเสียชีวิตคาที่ ส่วนลูก 2 คนอาการบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบนถนนสายบ้านสะแม๊ะ-บ้านตาโกน ต.เมืองจันทร์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 64 ที่ผ่านมา ตามข่าวที่นำเสนอมาอย่างต่อเนื่องนั้น
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ สภ.เมืองจันทร์ อ.เมืองจันทร์ จ.ศรีสะเกษ โดยได้ไปตรวจสอบสภาพรถยนต์ของนายราเมศที่ขับขี่มาเกิดเหตุพุ่งชนรถจักรยานยนต์ของสองสามีภรรยา พบว่าเป็นรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแมคซ์ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน ถษ 2737 กรุงเทพฯ สภาพรถยนต์พังยับเยิน มีเศษต้นข้าวติดอยู่บนตัวรถด้านหน้า ส่วนรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สีแดง หมายเลขทะเบียน 1 กก 9080 สุรินทร์ ที่เป็นรถของสองสามีภรรยา และลูก 2 คน ขับขี่ซ้อนท้ายกันมารวม 4 คน สภาพพังยับเยินเช่นกัน
พ.ต.ท.วรานนท์ จุลละนันท์ รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองจันทร์ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้บังคับบัญชาทุกระดับได้กำชับลงมาว่าให้ทำการสอบสวนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนได้อนุญาตให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาชั่วคราว เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่าผู้ต้องหามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และไม่มีพฤติกรรมที่จะหลบหนี และได้พิจารณาจากหลักทรัพย์ประกันตัวแล้ววงเงิน 300,000 บาท ประกอบด้วยหลักทรัพย์และตำแหน่งของบุคคลที่มาใช้ในการประกันตัว ซึ่งการดำเนินการเป็นไปตามระเบียบกฎหมายที่กำหนดไว้ และที่สำคัญ ผู้ต้องหาจะได้เข้าไปช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวของผู้ที่เสียชีวิต ซึ่งเป็นการให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
พ.ต.ท.วรานนท์กล่าวต่อว่า พนักงานสอบสวนตั้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหารายนี้รวมทั้งสิ้น 4 ข้อหาด้วยกัน คือ 1. ขับขี่รถโดยประมาทเฉี่ยวชนผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย 2. ขับรถในขณะเมาสุราชนผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย 3. ขับรถในขณะเมาสุรา และ 4. เฉี่ยวชนแล้วหลบหนี ไม่ให้ความช่วยเหลือตามสมควร และไม่แสดงตนและไม่แจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ในเบื้องต้นผู้ต้องหารายนี้ได้ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ซึ่งจะได้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป