ศูนย์ข่าวศรีราชา - นายก ทน.เจ้าพระยาสุรศักดิ์ มั่นใจการลงทุนภาคอุตสาหกรรมใน อ.ศรีราชา จะกลับมาเบ่งบานอีกครั้ง หลังหน่วยงานท้องถิ่นเร่งกระจายวัคซีนตามนโยบายรัฐ ฟุ้งเฉพาะในเขตเทศบาลจะสามารถฉีดวัคซีนทางเลือกให้ประชาชน 38,500 คน ได้ครบในสิ้น ต.ค.นี้
การแพร่ระบาดอย่างหนักของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ จ.ชลบุรี ช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ที่ส่งผลให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์สร้างความหวั่นวิตกให้ประชาชนในพื้นที่เรื่องปัญหาการกระจายวัคซีนที่ไม่ทั่วถึง
จนทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องเรียกร้องไปยังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ออกคำสั่งปลดล็อกให้หน่วยงานท้องถิ่นสามารถใช้งบประมาณจัดซื้อวัคซีนทางเลือกฉีดให้ประชาชนเร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่จนประสบผลสำเร็จนั้น
วันนี้ (5 ต.ค.) นายธนะพัฒน์ พันเฉลิมชัยโชค นายกเทศมนตรี เทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ เผยถึงความคืบหน้าการฉีดวัคซีน ทางเลือกซิโนฟาร์มให้ประชาชนในพื้นที่จำนวน 38,500 คน ที่ลงทะเบียนขอฉีดวัคซีนกับเทศบาล ว่า ขณะนี้มีจำนวนประชากรที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนอีกแค่เพียง 8,000 คน
โดยเทศบาลจะเร่งดำเนินการดำเนินการฉีดให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 6-7 ต.ค. และวันที่ 21-22 ต.ค.นี้ เพื่อให้ครบจำนวนตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ โดยเชื่อว่าในขณะนี้ จ.ชลบุรี มีประชาชนที่ได้รับวัคซีนแล้วมากกว่า 70%
“จากการติดตามสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่พบว่าขณะนี้การติดเชื้อของประชาชนทั้งในเขตเทศบาล และภาพรวมทั้งจังหวัดมีลดน้อยลงตามลำดับ ซึ่งที่ผ่านมา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งในระดับเทศบาลและตำบลมีความพยายามอย่างยิ่งที่จะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ประชาชน โดยเฉพาะในเขตเทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ ซึ่งที่ผ่านมา ได้รับความร่วมมือทั้งจากประชาชน และทีมแพทย์โรงพยาบาลแหลมฉบังเป็นอย่างดี”
นายธนะพัฒน์ ยังมั่นใจว่าในวันที่ 1 พ.ย.นี้ จ.ชลบุรี จะพร้อมเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตามนโยบายของรัฐบาลได้อย่างแน่นอน และยังจะส่งผลดีต่อบรรยากาศการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเฉพาะใน อ.ศรีราชา มีนิคมอุตสาหกรรมอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเมื่อเกิดโรคระบาดทำให้ภาคอุตสาหกรรมคล้ายกับคนที่มีอาการหายใจไม่สะดวก
“แต่แม้จะเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา การลงทุนภาคอุตสาหกรรมใน อ.ศรีราชา ไม่ได้หยุดนิ่ง แม้จะมีบางโรงงานที่ต้องปิดแต่เป็นเพียงแค่ชั่วคราวเพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาการติดเชื้อของพนักงาน และเมื่อจัดการทุกอย่างได้แล้วทุกโรงงานก็กลับมาเดินหน้าการผลิตตามปกติ”
ขณะที่ความเคลื่อนไหวด้านการลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์หลังเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พบว่า ชะลอตัวตามการลงทุนภาคอุตสาหกรรม แต่ยังเชื่อว่าเมื่อภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่กลับมาเบ่งบานอีกครั้งการลงทุนด้านที่อยู่อาศัยจะเติบโตตามความต้องการของแรงงานที่ย้ายเข้ามาในพื้นที่
นายกเทศมนตรี เทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ ยังเชื่อว่า การเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ใน จ.ชลบุรี ขึ้นอยู่กับการลงทุนภาคอุตสาหกรรมเป็นสำคัญ พร้อมยังบอกอีกว่าในวันนี้เทศบาลได้เตรียมความพร้อมรับการลงทุนด้วยการพัฒนาผังเมืองให้สอดรับกับการเกิดขึ้นของโครงการ EEC
โดยเฉพาะการพิจารณาการขอลงทุนในภาคอุตสาหกรรมที่จะต้องไม่สร้างมลพิษด้านสิ่งแวดล้อม และได้กันพื้นที่ชนบทเขตเขาคันทรง ให้เป็นปอดของเมืองด้วยการไม่อนุญาตให้มีการก่อสร้างโรงงาน แต่ให้ใช้พื้นที่เฉพาะการเป็นที่อยู่อาศัยเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้ประชาชน
“ในช่วงปกติเทศบาลจะจัดเก็บภาษีรายได้เฉลี่ยที่ 1,500 ล้าน บาทต่อปี แต่เมื่อปิดปีงบประมาณ 2563 ที่ผ่านมา ยอดจัดเก็บรายได้ในส่วนนี้ลดเหลือเพียง 1,100 ล้านบาท แต่เชื่อว่าเมื่อภาคอุตสาหกรรมกลับมาแบ่งบานอีกครั้ง ภาคการลงทุนทุกอย่างจะกลับมาด้วย” นายกเทศมนตรี เทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ กล่าว