พิษณุโลก - ลูกสาวชาวบ้านกร่างหอบหลักฐานร้อง สปสช.พิษณุโลก เขต 2 ขอความเป็นธรรม หลังแม่วัย 76 เข้ารับวัคซีนสูตรไขว้ ฉีดแอสตร้าเซนเนก้าเป็นเข็ม 2 แล้วเสียชีวิต ทั้งที่ปกติร่างกายแข็งแรง
วันนี้ (4 ต.ค. 64) นางกมลวรรณ แสงอ่วม อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 184/2 หมู่ที่ 5 ต.บ้านกร่าง อ.เมืองพิษณุโลก ได้นำหลักฐานจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านกร่าง และโรงพยาบาลพุทธชินราชพิษณุโลก เข้ายื่นเรื่องต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เขต 2 พิษณุโลก กรณีแม่ คือ นางเฮียง แสงอ่วม อายุ 76 ปี อยู่บ้านเลขที่ 184 หมู่ที่ 5 ต.บ้านกร่าง ที่ได้เสียชีวิตลงหลังฉีดวัคซีนสูตรไขว้ เข็ม 2 เป็นแอสตร้าเซนเนก้า
เพราะมั่นใจว่ามารดามีสาเหตุการเสียชีวิตมาจากผลข้างเคียงจากการฉีควัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เข็มที่ 2 เพราะก่อนหน้านี้เป็นที่ทราบกันดีนางเฮียงมีสุขภาพแข็งแรงเป็นปกติ แม้ว่าจะโงมีโรคประจำตัวเบาหวาน และไขมันในเส้นเลือด แต่สามารถรับประทานยาควบคุมโรคดังกล่าวได้เป็นปกติ
นางกมลวรรณกล่าวว่า แม่ไปฉีดวัคซีนเข็มแรกเป็นซิโนแวค และฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เข็มที่ 2 เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2564 ที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บ้านกร่าง อ.เมืองพิษณุโลก รุ่งขึ้น (16 กันยายน) ก็มีอาการปวดศีรษะ อาเจียน รับประทานอาหารไม่ได้ จึงรับประทานยาพาราฯ และยาแก้ปวดหัว แต่ยังเวียนศรีษะตลอด และไม่ถ่ายอุจจาระ
และในระหว่างวันที่ 17-21 กันยายน อาการเหมือนเดิม รวมทั้งมีอาการปวดศีรษะรุนแรงมาก ครั้งแรกคิดว่าจะนำส่ง รพ.พุทธชินราชพิษณุโลก แต่เกรงว่าโรงพยาบาลพุทธชินราชจะไม่รับผู้ป่วยในช่วงโควิด-19 กระทั่งวันที่ 22 กันยายนจึงพาแม่ไป รพ.สต.บ้านกร่าง หมอได้จ่ายพาราฯ และยาแก้แพ้มาให้ แต่อาการแม่ก็ยังไม่ดีขึ้นอีก วันที่ 23 กันยายนได้พาแม่ไปหาหมอที่ รพ.สต.บ้านกร่างอีกครั้ง กลับมาแม่ก็มีอาการเหมือนเดิม
"ในวันที่ 28 กันยายนจึงพาแม่ไปคลินิกที่ตำบลบ้านกร่าง จนกระทั่งวันที่ 29 กันยายนอาการของแม่ทรุดหนักพูดคุยแทบไม่ได้ จึงตัดสินใจนำตัวส่งโรงพยาบาลพุทธชินราช ซึ่งทางโรงพยาบาลห้ามเยี่ยม เคยติดต่อไปทางโทรศัพท์กับทางโรงยาบาลเพื่อเยี่ยมดูอาการแม่ แต่ไม่ได้รับการอนุญาต และวันที่ 3 ต.ค.ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลว่าแม่เสียชีวิตแล้ว ระบุความเห็นว่าติดเชื้อในกระแสเลือด รู้สึกเสียใจมาก เพราะก่อนที่จะฉีดวัคซีนเข็ม 2 แม่ไม่มีอาการอะไร ปกติดีทุกอย่าง จึงมาร้องขอความเป็นธรรมต่อ สปสช.เขต 2 ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้นำเอกสารเพิ่มเติม โดยเฉพาะใบเวชระเบียนจาก รพ.พุทธชินราช ซึ่งจะรวบรวมไปส่งให้ในวันที่ 5 ตุลาคมอีกครั้งหนึ่ง" นางกมลวรรณกล่าว
อนึ่ง การช่วยเหลือของ สปสช. แบ่งเป็น 3 ประเภท ถ้าฉีดแล้วเจ็บปวด ป่วย 1-2 วันไม่มีการช่วยเหลือ แต่หากเจ็บป่วย ต้องเข้ารับการรักษาเจ็บป่วยเรื้อรัง พิการ จะพิจารณาช่วยเหลือ 1 บาท สูงสุดถึง 2.4 แสนบาท หากเสียชีวิตพิจารณาช่วยเหลือ 1 บาทจนถึงสูงสุด 4 แสนบาท การช่วยเหลือผู้เสียหายต้องระบุชื่อว่าใครเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ และต้องมีประวัติการรักษา ก่อนส่งให้ทาง สปสช. จึงค่อยเข้าสู่คณะกรรมการตัดสินไม่เกิน 5 วัน
