ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ชาวขอนแก่นที่เทิดทูนสถาบันกษัตริย์วิพากษ์วิจารณ์ ผู้บริหาร ม.ขอนแก่นและจังหวัดขอนแก่นแก้ปัญหาพระบรมฉายาลักษณ์ถูกเผาทำลายไม่ตรงจุด โดยรื้อเก็บพระบรมฉายาลักษณ์มากกว่าที่จะใช้มาตรการทางกฎหมายจัดการกลุ่มคนร้าย ยิ่งจะทำให้คนกลุ่มนี้ย่ามใจสร้างความปั่นป่วนให้สังคม บั่นทอนความมั่นคงต่อไปไม่สิ้นสุด
มีรายงานว่าขณะนี้ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความขลาดเขลาของฝ่ายความมั่นคงท้องถิ่นและผู้บริหารมหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) ที่ปลดภาพพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ซึ่งประดิษฐานไว้ตามสถานที่ต่างๆ ภายในเขต ม.ขอนแก่นเกือบ 10 จุดออกจนหมด เหลือแต่โครงป้าย โดยการรื้อพระบรมฉายาลักษณ์ออกดังกล่าวทำกันเมื่อราว 5-6 วันที่ผ่านมา ภายหลังเกิดเหตุ 2 นักศึกษาคณะศิลปกรรมศาสตร์ ม.ขอนแก่นเผาทำลายพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง ร.๑๐ ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าโรงพยาบาลศรีนครินทร์จนเสียหายอย่างสิ้นเชิง
ซึ่งต่างมองว่าการรื้อเก็บพระบรมฉายาลักษณ์ไม่ใช่แนวทางการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง ทำไมไม่จัดเวรยามป้องกันกลุ่มคนร้ายลอบเผาลอบทำลาย หรือไม่ก็ใช้มาตรการทางกฎหมายจัดการให้เด็ดขาด ทุกอย่างว่ากันไปตามกฎหมายบ้านเมืองอย่างเด็ดขาด หากยังยอมอ่อนข้อให้กลุ่มคนร้าย คนกลุ่มนี้ก็จะย่ามใจละเมิดกฎหมายสร้างความวุ่นวาย บั่นทอนความมั่นคงทางสังคมอย่างไม่จบสิ้น
อย่างไรก็ตาม จากการสืบค้นที่มาของ ม.ขอนแก่นที่ต้องรื้อถอนพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง รัชกาลที่ ๑๐ ออกไปทั้งหมดทุกจุดทั่วเขตมหาวิทยาลัย น่าจะมาจาก หนังสือลับที่สุด ด่วนที่สุด ที่ นร ๕๑๑๗.๒ P๒๕ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดขอนแก่น ลงนามคำสั่งโดยนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะ ผอ.กอ.รมน.ขอนแก่น เรื่องการเฝ้าระวังและดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ ส่งถึงหัวหน้าส่วนราชการ ทุกส่วนราชการ, หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ทุกหน่วยงาน, นายอำเภอ ทุกอำเภอ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น, นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น และนายกเทศมนตรีเมืองทุกแห่ง
โดยเนื้อหาในหนังสือตอนหนึ่งระบุว่า ด้วยปรากฏข่าวสารความเคลื่อนไหวของบุคคล/กลุ่มบุคคล กระทำที่มิบังควรต่อสถานที่เชิงสัญลักษณ์สำคัญของชาติ รวมทั้งกระทำการติด หรือแขวนป้าย หรือพ่นสีข้อความที่ไม่เหมาะสม ในบริเวณสถานที่ราชการ สถานที่สำคัญ และพื้นที่สาธารณะต่างๆ เป็นต้น
ในการนี้ เพื่อเป็นการเฝ้าระวังและรักษาความปลอดภัยในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง จึงขอให้ดำเนินการ ดังนี้ ๑. บูรณาการการปฏิบัติงานระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ เพื่อติดตามข่าวสารและเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนหรือบุคคลที่อาจมีพฤติกรรมในลักษณะมิบังควรในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และถือปฏิบัติตามหนังสือ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดขอนแก่น ด่วนมาก ที่ นร ๕๑๑๗.๒ / ๒๐๒ ลงวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๓ โดยเคร่งครัด
๒. ยกระดับมาตรการเฝ้าระวัง ให้มีการตรวจตราและตรวจสอบจุดเสี่ยง หรือจุดล่อแหลมอย่างเข้มงวดและกวดขันอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการกระทำที่มิบังควร หากพื้นที่จุดใดยากต่อการเฝ้าระวัง ตรวจตราและป้องกันเหตุในลักษณะมิบังควร ให้ดำเนินการจัดเก็บหรือปรับเปลี่ยนที่ตั้ง โดยคำนึงถึงความถูกต้อง เหมาะสมและสมพระเกียรติ
๓. กรณีตรวจพบการกระทำความผิด ให้กำชับผู้รับผิดชอบประสานการปฏิบัติร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินการเร่งสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดโดยทันที รวมถึงดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยพิจารณาฐานความผิดอย่างละเอียดรอบคอบสมบูรณ์และครบถ้วนทุกข้อหา
๔. หากเกิดเหตุด่วนหรือเหตุสำคัญดังกล่าว ให้รายงานผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดขอนแก่นทราบทันที
สำหรับเหตุการณ์พระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง ร.๑๐ ซึ่งประดิษฐษนอยู่บริเวณด้านหน้าโรงพยาบาลศรีนครินทร์ติดกับถนนมิตรภาพขอนแก่น-อุดรธานี ถูกเผาทำลาย เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 02.00 น.ของวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุพลเมืองดีได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่นพร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ศพฐ.4 เข้าตรวจสอบ และตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุ พบเห็นภาพชัดเจนว่ามีผู้ร่วมก่อเหตุดังกล่าว 2 คน
สืบทราบภายหลังทั้งคู่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น เรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 คณะศิลปกรรมศาสตร์ คือนายเรืองศักดิ์ ลอยจันทร์แจ่ม (เจมส์) อายุ 22 ปี บ้านเลขที่ 77 ถ.บูรพาใน อ.เมืองอุบลราชธานี มีหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่นที่ จ.181/2564 และนายภานุพงศ์ เปลรินทร์ (บอส) บ้านเลขที่ 24 หมู่ 2 ต.เสอเพอ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี หมายจับที่ จ.182/2564 ลงวันที่ 16 กันยายน 2564
โดยทั้งคู่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ม.217 ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น ระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท แต่ผู้ต้องหาให้การในภาคเสธ ภายหลังศาลจังหวัดขอนแก่นได้อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนเพราะรองคณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ใช้ตำแหน่งค้ำประกัน และเป็นที่น่าสังเกตว่าผู้ต้องหาทั้งสองคนไม่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาความผิด ม.112 ทั้งที่เผาทำลายพระบรมฉายาลักษณ์มีพยานหลักฐานมัดตัวเป็นที่ประจักษ์