เชียงใหม่ - รักษาการเจ้าอาวาสวัดปันเสาเผยสอบสวนแล้วพระหนุ่มจอมขมังเวทย์ลงนะหน้าทองใส่เนินอกสีกา เจ้าตัวอ้างแค่ทำพิธีให้กลุ่มเพื่อนสนิทที่มานมัสการเนื่องในวันเกิด ไม่ได้เปิดกุฏิเป็นสำนัก ระบุความผิดไม่ร้ายแรงถึงขั้นลาสิกขา ทำได้แค่ว่ากล่าวตักเตือนและทำทัณฑ์บน พร้อมย้ำห้ามทำอีก ระบุหลังออกพรรษาเปลี่ยนนิมนต์พระเณรทั้งหมดออกจากวัดเพื่อทำบุญครั้งใหญ่ล้างเสนียดจัญไร หลังช่วงที่ผ่านมาเกิดเรื่องไม่ดีในวัดต่อเนื่อง
ความคืบหน้ากรณีโซเชียลมีเดียวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมของพระหนุ่มรูปหนึ่งในวัดปันเสา ซึ่งเป็นวัดชื่อดังแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ ตั้งตัวเป็นจอมขมังเวทย์ เปิดกุฏิเป็นสำนักรับปลุกเสกเครื่องรางของขลังและทำพิธีกรรมต่างๆ เช่น การปลุกเสก และฝังตะกรุด รวมทั้งรับทำนะหน้าทอง ซึ่งปรากฏภาพในโซเชียลมีเดียว่ามีการทำพิธีให้แก่หญิงสาวอย่างใกล้ชิด และสัมผัสร่างกาย โดยแปะแผ่นทองตามจุดต่างๆ ทั่วร่างกาย รวมทั้งบริเวณเนินอกผู้หญิง และต้นขา ทั้งนี้ มีการเรียกร้องให้คณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบพฤติกรรมดังกล่าวพร้อมดำเนินการให้ถูกต้องเหมาะสม
รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า วันนี้ (21 ก.ย. 64) จากการตรวจสอบที่วัดปันเสา ทราบว่าพระหนุ่มดังกล่าวชื่อ “พระตั้ว” และจำวัดอยู่ที่วัดแห่งนี้ แต่หลังจากที่มีกระแสข่าวออกมาเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น พระตั้วได้หายออกจากวัดไปโดยไม่ทราบว่าไปที่ใด ทั้งนี้ พระครูธีรสุตพจน์ หรือ พระมหาสง่า ธีรสังวโร เจ้าอาวาสวัดผาลาด รักษาการเจ้าอาวาสวัดปันเสา เปิดเผยว่า เบื้องต้นทราบเรื่องพระหนุ่มรูปดังกล่าวแล้วตั้งแต่วานนี้ (20 ก.ย. 64) พร้อมสั่งการให้พระอาวุโสของวัดปันเสาเรียกประชุมพระเณรทั้งหมดของวัด รวมทั้งพระตั้วด้วยเมื่อวานนี้แล้ว โดยพระตั้วยอมรับว่าทำการปิดทองให้ผู้ที่ปรากฏในภาพที่มีการเผยแพร่จริง
อย่างไรก็ตาม พระตั้วอ้างว่ากลุ่มคนดังกล่าวทั้งชายหนุ่มและหญิงสาวเป็นกลุ่มเพื่อนสนิทที่แวะมานมัสการเนื่องในวันคล้ายวันเกิดเพราะทราบว่าบวชแล้วมาจำวัดอยู่ที่วัดแห่งนี้ และขอให้ช่วยแปะทองให้เพื่อความเป็นสิริมงคลเท่านั้น พร้อมถ่ายภาพไปโพสต์ในโซเชียลมีเดีย เพราะก่อนที่จะมาบวชเป็นพระนั้นพระตั้วเคยร่ำเรียนทางด้านนั้นมาก่อน แต่พระตั้วยืนยันว่าไม่ได้มีการรับทำเป็นกิจจะลักษณะหรือเปิดเป็นสำนักภายในวัดเพื่อรับประกอบพิธีกรรมและปลุกเสกเครื่องรางของขลังแต่อย่างใดทั้งสิ้น เบื้องต้นจึงได้มีการคาดโทษทำทัณฑ์บนไว้ และห้ามกระทำในลักษณะดังกล่าวอีกอย่างเด็ดขาด โดยพระตั้วยอมรับว่ากระทำไม่เหมาะสมและจะไม่ทำอีก พร้อมกันนี้ได้เน้นย้ำพระเณรทั้งหมดให้ประพฤติปฏิบัติตัวให้เหมาะสมด้วย
สำหรับการกระทำดังกล่าวของพระตั้วนั้น พระครูธีรสุตพจน์ยอมรับว่าไม่เหมาะสม แต่ไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นต้องให้ลาสิกขา อีกทั้งเป็นเพราะกระทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์เนื่องจากเป็นพระบวชใหม่ย่างเข้าสู่ปีที่ 2 เท่านั้น ดังนั้นจึงได้ลงโทษเพียงว่ากล่าวตักเตือนและทำทัณฑ์บนเท่านั้น พร้อมทั้งยังคงอนุญาตให้จำวัดอยู่ที่วัดปันเสาต่อไปได้จนกระทั่งออกพรรษาเช่นเดียวกับพระเณรทั้งหมด ยกเว้นแต่ว่าจะมีพระเณรที่ทำผิดร้ายแรงหรือมีเหตุจำเป็นให้ต้องลาสิกขาออกไปเอง โดยหลังจากออกพรรษาแล้ว ในฐานะรักษาการเจ้าอาวาสได้มีการแจ้งแก่พระเณรของวัดทั้งหมดแล้วว่าจะนิมนต์ทั้งหมดออกไปอยู่ที่วัดอื่น เพื่อจะทำการสังคยานาวัดปันเสาใหม่ทั้งหมดและจัดพิธีทำบุญครั้งใหญ่เพื่อล้างเสนียดจัญไร เพราะที่ผ่านมาเกิดเรื่องไม่ดีงามขึ้นในวัดต่อเนื่องหลายครั้งแล้ว ซึ่งหลังจากทำบุญใหญ่เสร็จแล้วจึงจะมาพิจารณากันอีกครั้งเกี่ยวกับเรื่องพระเณรที่จะมาจำพรรษาอยู่กับวัด