ศูนย์ข่าวศรีราชา - นายกเมืองพัทยาลงพื้นที่หาสาเหตุเพลิงไหม้สถานบันเทิงย่านวอล์กกิ้งสตรีท พร้อมสั่งห้ามใช้อาคารหวั่นไม่ปลอดภัย ชี้ป้ายโฆษณาปัญหาใหญ่ทำรถดับเพลิงเข้าไม่ถึง ส่วนเอกชนจะขอเข้าซ่อมแซมต้องรอตรวจสอบเข้าข่ายอาคารลุกล้ำ 101 รายหรือไม่
จากเหตุการณ์เพลิงไหม้สถานบันเทิงชื่อดังในเมืองพัทยา “เดอะ นัชชา ผับ” ตั้งอยู่เลขที่ 47/1 ภายในโครงการถนนคนเดินพัทยาใต้ หรือวอล์กกิ้งสตรีทพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อคืนวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา จนทำให้ตัวอาคารและทรัพย์สินภายในร้านได้รับความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท
โดยหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา และเจ้าหน้าที่จากเมืองพัทยา ได้เข้าตรวจสภาพภายในร้านและได้ออกคำสั่งงดใช้อาคารดังกล่าวเพื่อความปลอดภัยนั้น
วันนี้ (14 ก.ย.) นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา พร้อมคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสาเหตุเพลิงไหม้ร่วมกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตำรวจภูธรภาค 2 โดยมีเจ้าหน้าที่บรรเทาภัยพิบัติทางบก สำนักปลัดเมืองพัทยา ทำการปิดกั้นพื้นที่โดยรอบอาคารที่ถูกเพลิงไหม้เป็นบริเวณกว้างกว่า 7 คูหา สูง 3 ชั้น
ขณะที่ นายทรัพย์ทวี อองโนบาล หัวหน้าฝ่ายภัยพิบัติทางบกเมืองพัทยา เผยว่า สถานบันเทิงแห่งนี้ปิดบริการมานานหลายเดือนจากปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ทราบว่าด้านบนอาคารมีห้องเก็บเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมซึ่งจะต้องเปิดเครื่องปรับอากาศเพื่อป้องกันความร้อนไว้ตลอดช่วงกลางวัน
และจะปิดในช่วงเย็นก่อนเปิดอีกครั้งหลังเวลา 20.00 น. จึงคาดว่าอาจเป็นสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบสาเหตุที่ชัดเจน
ด้าน นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา เผยว่า หลังเกิดเหตุได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักการช่างเมืองพัทยา เข้าตรวจสอบโครงสร้างอาคารเพื่อประเมินความปลอดภัยว่าจะต้องมีการรื้อถอนหรือไม่ ซึ่งในเบื้องต้นได้เสนอเรื่องให้ระงับการใช้อาคารเป็นการชั่วคราวเนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ไม่มีความปลอดภัย จากนั้นจึงจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน เข้าทำการตรวจสอบอย่างละเอียด
“การเกิดเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ต้องชื่นชมเจ้าหน้าที่ที่สามารถระงับเพลิงได้ในเวลาอันรวดเร็วและสามารถควบคุมได้ในวงจำกัดจนทำให้ไม่ลุกลามไปอาคารด้านข้าง อย่างไรก็ตาม อีกปัญหาหนึ่งที่พบคือเรื่องไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งที่ผ่านมา เมืองพัทยา งได้ร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคดำเนินการร้อยท่อวางสายใต้ดินเพื่อแก้ปัญหาซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในเร็ววันนี้”
และจากการลงพื้นที่ตรวจสอบยังพบว่า ความหนาแน่นของป้ายที่ยื่นออกมาจากตัวอาคาร ถือเป็นอุปสรรคในการเข้าถึงพื้นที่ของรถดับเพลิงขนาดใหญ่ ซึ่งจากนี้จะขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการเพื่อแก้ไขต่อไป
ส่วน นายเกียรติศักดิ์ ศรีวงษ์ชัย รองปลัดเมืองพัทยา กล่าวถึงกรณีที่ผู้ประกอบการจะเข้าทำการก่อสร้างหรือซ่อมแซมอาคารที่ถูกเพลิงไหม้เพื่อให้สามารถเปิดใช้งานได้หรือไม่ ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่สามารถกระทำได้เนื่องจากเมืองพัทยาจะต้องตรวจสอบก่อนว่าที่ดินแห่งนี้มีเอกสารสิทธิ์งครอบครองถูกต้องหรือไม่
“ด้วยอาคารในวอล์กกิ้งสตรีท เป็นอาคารที่ ครม.เคยลงมติ เมื่อปี 2541 เรื่องอาคาร 101 รายที่รุกล้ำชายทะเล และมีคำสั่งให้ทำการรื้อถอน แต่ปัจจุบันก็ยังไม่ได้ดำเนินการ ดังนั้น จึงจะต้องทำการตรวจสอบก่อนและหากพบว่าไม่มีเอกสารสิทธิครอบครองคงจะอนุญาตให้ดำเนินการใหม่ไม่ได้” รองปลัดเมืองพัทยา กล่าว