นครสวรรค์ - ผู้การฯ ตำรวจปากน้ำโพตามตรวจสอบคดี “สารวัตร ปอท.ลวนลามหลานเมียวัย 17” พบวงจรปิดรีสอร์ตบันทึกภาพซ้อน จยย.ติดต่อเปิดห้องพัก ก่อนหลานสาวทอมบอยขี่รถกลับ เผยอาศัยอยู่บ้านรั้วเดียวกัน
วันนี้ (13 ก.ย. 64) พล.ต.ต.ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์ ผบก.ภ.จว.นครสวรรค์ ได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้าและเร่งรัดในส่วนของคดีสารวัตร กก.3 บก.ปอท. ถูกผู้เสียหายที่เป็นหลานสาวภรรยาแจ้งความจับฐานกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ฯ และพาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจารโดยใช้กลอุบายหลอกลวงหรือขู่เข็ญ ที่โรงพัก สภ.ชุมแสง อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกิดเหตุ
ผบก.ภ.นครสวรรค์เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวก่อนเข้าห้องประชุมรับฟังรายงานผลการทำคดีจาก พ.ต.อ.นิวัติ พิพัฒนสิริ ผกก.สภ.ชุมแสง และทีมพนักงานสอบสวน ว่ามาติดตามความคืบหน้ากรณีดังกล่าว ซึ่งต้องแยกออกเป็น 2 คดี คือ คดีใช้อาวุธปืนยิงในที่สาธารณะ และครอบครองอาวุธปืน ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา ผู้ถูกกล่าวหาได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าในบริเวณบ้านในช่วงค่ำคืน
ซึ่งคดีนี้ได้รวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นหมดแล้ว และเตรียมจะสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการ โดยจะมีการนัดผู้ถูกกล่าวหาที่กำลังถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อส่งตัวให้พนักงานอัยการอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนคดีที่ถูกแจ้งความกระทำอนาจารหลานสาวของภรรยานั้น เท่าที่มีการสอบปากคำผู้ถูกกล่าวหา และผู้เสียหาย รวมถึงพยานแวดล้อมต่างๆ ทำให้มีเหตุผลเพียงพอที่เชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดจริงตามที่ถูกกล่าวหา ซึ่งเรื่องนี้ทาง ผบ.ตร.ได้กำชับสั่งให้ตำรวจพื้นที่ดำเนินการขั้นเด็ดขาด หากมีเนื้อร้ายเกิดขึ้นในองค์กรก็ต้องตัดทิ้ง และขณะนี้การสอบสวนคดีมีความคืบหน้าไปมากพอสมควร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในคดีอนาจาร ผู้ถูกกล่าวหาให้การปฏิเสธหรือไม่ พ.ต.อ.นิวัติ พิพัฒนสิริ ผกก.สภ.ชุมแสงได้ตอบแทนว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้ให้การปฏิเสธ พร้อมกับอ้างว่าในวันที่เกิดเหตุได้ไหว้วานให้หลานสาวพาซ้อนรถจักรยานยนต์ไปส่งที่โรงแรมเพียงเท่านั้น ไม่ได้มีเรื่องบังคับขู่เข็ญ และลวนลามเข้ามาเกี่ยวข้อง
ส่วนในเรื่องของคดียิงอาวุธปืนที่ทำให้คดีมีความล่าช้านั้น ยอมรับว่าช่วงที่เกิดเหตุเป็นช่วงที่มีโควิดระบาดหนักในพื้นที่ อ.ชุมแสง จึงทำให้การสอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์แต่ละคนต้องใช้เวลานัดหมายมาสอบปากคำ แต่ตอนนี้กระบวนการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว และเตรียมจะส่งฟ้องอัยการ คาดว่าไม่เกินสัปดาห์นี้อย่างแน่นอน
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่เคียงน่านรีสอร์ท ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้เสียหายระบุว่าถูกขู่เข็ญให้พาไปเปิดห้องพักรีสอร์ต พบกล้องวงจรปิดในวันเกิดเหตุบันทึกภาพผู้เสียหายพาสารวัตรฯ ที่ถูกกล่าวหาซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์มาจอดที่บริเวณป้อมติดต่อพนักงานบริเวณด้านหน้ารีสอร์ต จากนั้นผู้ถูกกล่าวหาลงมาจากรถเพื่อติดต่อพนักงานขอเปิดห้องพัก ผู้เสียหายขับขี่รถจักรยานยนต์ออกไปทันที ขณะที่ตัวสารวัตรฯก็ไม่ได้มีท่าทีสนใจ ยังคงพูดคุยอยู่กับพนักงานของทางรีสอร์ตตามปกติ
พนักงานของรีสอร์ตที่คอยให้บริการลูกค้าในวันนั้นเปิดเผยว่า เพิ่งจะเคยเห็นสารวัตรที่กำลังตกเป็นข่าวฉาววันนั้นเป็นครั้งแรก แต่เคยเห็นฝ่ายผู้หญิงบ่อย เขามีลักษณะเป็นทอมบอย และมีแฟนเป็นผู้หญิง วันนั้นฝ่ายหญิงพาสารวัตรฯ ซ้อนท้ายมาเปิดห้องพัก สารวัตรฯ ขอเปิดห้องพักแบบค้างคืนในราคา 350 บาท ซึ่งก็ได้ยินสารวัตรพูดกับผู้เสียหายว่าให้รอก่อน แต่ทางฝ่ายหญิงเหมือนมีสีหน้าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์อะไรบางอย่าง ดูเหมือนเขาจะอารมณ์เสียด้วย แล้วก็ขับขี่รถออกไปจากหน้ารีสอร์ตทันที โดยไม่มีท่าทางลุกลี้ลุกลนเหมือนคนหลบหนี ส่วนสารวัตรฯ ก็เดินไปที่ห้องพักเบอร์ 6 และเข้าพักผ่อนตามปกติ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของสารวัตรผู้ถูกกล่าวหาในพื้นที่ ต.ท่าไม้ อ.ชุมแสง พบว่าเป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง ตั้งอยู่ในอาณาเขตรั้วเดียวกันกับบ้านพักของผู้เสียหายที่อยู่ถัดไปทางด้านหลังห่างกันไปประมาณ 100 เมตร พบว่าบ้านพักของสารวัตรไม่มีใครอยู่ในบ้าน คาดว่าถูกคำสั่งเรียกตัว และถูกตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงที่ต้องไปประจำการตามตำแหน่งสังกัดในพื้นที่ กทม.
ส่วนผู้เสียหายก็ไม่ได้อยู่บ้านเช่นเดียวกัน โดยทราบว่ากำหนดการที่ต้องเดินทางเข้าพบพนักงานอัยการเพื่อร่วมสอบปากคำกับสหวิชาชีพในเช้าวันนี้ได้ถูกเลื่อนไป จึงได้ขับขี่รถจักรยานยนต์เดินทางไปหาแฟนสาวในพื้นที่ อ.เก้าเลี้ยว ที่อยู่ใกล้กัน
ด้านนางโธรี่ อายุ 52 ปี เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และมีศักดิ์เป็นป้าของผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ผู้เสียหายพักอาศัยอยู่ที่บ้านของตน ร่วมกับสามี และมารดาของตนที่มีศักดิ์เป็นยาย ซึ่งหลานสาวตอนนี้เขาเรียน กศน.ในระดับชั้นมัธยมต้น และเขามีลักษณะเป็นสาวทอมบอย ชอบเที่ยวเตร่ตามประสาวัยรุ่น
ส่วนของสารวัตรและภรรยาที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงนั้นเขาก็ถือว่าเป็นคนอัธยาศัยดี เคยจ้างให้ผู้เสียหายไปทำงานบ้านอยู่บ่อยครั้ง และตนก็ไม่เคยเห็นว่าผู้กล่าวหากับผู้ถูกกล่าวหาทะเลาะหรือผิดใจอะไรกัน ส่วนตัวสารวัตรเองเวลาเขาว่างมาอยู่ที่บ้าน เขาจะเป็นคนที่อารมณ์ดี ชอบปลูกต้นไม้ ทำอาหาร แต่พอเวลาเหล้าเข้าปากเมื่อไหร่จะเปลี่ยนเป็นคนละคน ซึ่งเขาจะดื่มเหล้าเพียงอาทิตย์ละครั้ง แต่ทุกครั้งก็มักทะเลาะกับภรรยา เมื่อไม่ได้ดั่งใจก็จะชอบเอาอาวุธปืนออกมายิงขึ้นฟ้าหน้าบ้านเพื่อเป็นการระบายอารมณ์แทบจะทุกครั้ง
เมื่อสอบถามถึงกรณีสารวัตรเหน่งถูกแจ้งจับกระทำอนาจาร นางโธรี่ระบุว่า น่าจะเป็นเพราะฤทธิ์เหล้าทำหลุดไปลวนลามหลานสาวจนมีการแจ้งความกันเกิดขึ้น ซึ่งก็ไม่ทราบว่าวันนั้นเขาไปเมาเหล้าขาวหรือยาดองมาจนทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้