เชียงใหม่ - ยังไร้วี่แวว “น้องจีน่า” หายจากบ้าน ทีมค้นหาต้องยุติปฏิบัติการอีกรอบหลังระดมหากันทั้งภาคพื้นดิน-อากาศข้ามวันข้ามคืนแล้วยังไม่พบ วันนี้เตรียมส่องร่องรอยตามหุบเหวต่อ ด้าน จนท.เค้นสอบเพื่อนบ้านคู่สามีภรรยา
ความคืบหน้ากรณี เด็กหญิงพรศิริ วงศ์ศิลารุ่ง หรือน้องจีน่า วัย 1 ขวบเศษ หายตัวไปจากบ้าน บริเวณบ้านห้วยฝักดาบ ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 5 กันยายน 2564 ที่ผ่านมานั้น
นายวิชัย จะซา ผู้ใหญ่บ้านห้วยฝักดาบ ต.อินทขิล เปิดเผยว่า ทั้งกู้ภัย อาสาสมัครต่างๆ จากหลายพื้นที่ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่แตง เจ้าหน้าที่ทหาร อส. และชาวบ้านในหมู่บ้าน ญาติพี่น้องได้ร่วมกันค้นหาทั้งวันทั้งคืน มีการนำสุนัขดมกลิ่นเข้าค้นหา ส่วนเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็ได้นำนักประดาน้ำไปค้นหาที่บริเวณสระน้ำใกล้หมู่บ้าน ตลอดจนใช้โดรนบินตรวจสอบเบาะแส ใช้เครื่องจับความร้อน แต่ก็ยังไร้วี่แววน้องจีน่า จึงได้ยุติการค้นหาตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 6 ก.ย.
ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้นำตัวชายวัย 44 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนของนายสุริยะ วงศ์ศิลารุ่ง พ่อของน้องจีน่า และเป็นคนเชื้อสายชาติพันธุ์อาข่าเหมือนกัน ที่มาได้ภรรยาซึ่งเป็นอีกชาติพันธุ์หนึ่งในหมู่บ้านห้วยฝักดาบ ที่ไม่มีเอกสารแสดงตัวบุคคลหรือเอกสารทางราชการใดๆ และชาวบ้านก็ไม่มีใครรู้จักชื่อ โดยมีอาชีพรับจ้างทั่วไปในหมู่บ้าน
โดยมีการตั้งข้อสังเกตกันว่าน้องจีน่าจะติดแม่มาก และไม่ยอมให้คนแปลกหน้าหรือคนอื่นอุ้มเลย จึงคาดว่าคนใกล้ชิดหรือคุ้นเคยน้องจีน่าเท่านั้นที่จะให้อุ้ม ประเด็นหลักๆ อาจจะมีความเป็นไปได้สูงที่อาจจะมีคนที่คุ้นเคยอุ้มไป หรือลักพาตัว เพื่อนำไปขายให้คนมีฐานะที่อยากมีลูก และมีชาวบ้านพบรถต้องสงสัยเป็นรถยนต์โตโยต้า รุ่นคัมรี่ สีดำ ป้ายทะเบียน กทม.เข้ามาในพื้นที่ แล้วขับออกไปทางเส้นทางอ้อมเขาไปทางแก่งปันเต้า อ.เชียงดาว ซึ่งเป็นอำเภอรอยต่อกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างแกะรอยสืบสวนรถต้องสงสัยทุกคันที่เข้าออกช่วงเวลา 10.00-19.00 น. ของวันที่ 5 กันยายน 2564
การสอบสวนชายชาวอาข่าคนดังกล่าวนานกว่า 3 ชั่วโมง และยังนำตัวภรรยาของเขาไปสอบสวนด้วย ยังไม่เป็นที่เปิดเผย แต่มีรายงานเบื้องต้นว่าทั้งคู่ยังให้รายละเอียดเรื่องช่วงเวลาไม่ตรงกัน ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำตัวเข้าห้องควบคุมตัวไว้ก่อนเพราะต้องถูกดำเนินคดี เนื่องจากเป็นบุคคลต่างด้าวไม่มีเอกสารทางราชการใดๆ
ล่าสุดกลางดึกที่ผ่านมามีชาวบ้านในหมู่บ้านรายหนึ่ง (ขอสงวนชื่อสกุล) ได้ให้ข้อมูลต่อผู้สื่อข่าวว่า ตนมีข้อข้องใจและสงสัยอีกประการหนึ่งก็คือ ช่วงเวลาใกล้เคียงก่อนที่เด็กจะหายไป มีคนเห็นว่ามีรถยนต์เร่ขายซาลาเปา และรถยนต์เร่ขายที่นอนเข้ามาในหมู่บ้าน ตนจึงสันนิษฐานว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ เมื่อรถยนต์เร่ขายของเข้ามาในหมู่บ้านช่วงเวลาดังกล่าวเด็กเดินอยู่บนถนนแล้วคนขับไม่เห็นแล้วไปเหยียบร่างน้องจนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแล้วกลัวความผิดจึงรีบนำน้องไปทิ้ง เพราะตลอดระยะทางที่เข้าหมู่บ้านมีป่าและเหวลึกหลายแห่ง ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะพากันไปตามหาตามหุบเขาที่มีเหวที่เปลี่ยวตามป่าริมถนนทางออกหมู่บ้านที่มีระยะทางกว่า 10 กิโลเมตรก่อนจะถึงชุมชนด้านนอก
แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ข้อสงสัยเท่านั้น ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิดทางออกหมู่บ้านที่ห่างออกไปให้แน่ใจก่อน เพราะวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ตรวจสอบรถที่เข้าออกหมู่บ้านและเรียกตัวมาสอบถามแล้ว 2 รายยังไม่มีความคืบหน้า