พ่
พ่อแม่ “ไวท์ ณวัชร์” นำรถเบนซ์ มาตรวจสภาพประกอบสำนวนหาหลักฐาน พร้อมรถคู่กรณี เผยลูกชายผู้พิพากษานัดให้ปากคำ 25 สิงหาคม 64
จากกรณี นายสุรศักดิ์ พุ่มโพธิงาม อายุ 58 ปี พ่อของ ไวท์ ณวัชร์ ดารานักแสดง ถูกคู่กรณีต่อยและยังตบหน้าแม่ของ ไวท์ ณวัชร์ หลังจากเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกันเหตุเกิดวันที่ 30 ก.ค. 64 เวลาประมาณ 13.00 น. บริเวณเชิงสะพานข้ามคลองมหาสวัสดิ์ ถนนราชพฤกษ์ ต.มหาสวัสดิ์ ตอ.บางกรวย จ.นนทบุรี หลังเกิดเหตุ นายสุรศักดิ์ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.บางกรวย เพื่อดำเนินคดีกับคู่กรณี
ต่อมาทาง พ.ต.อ.ศิวัช ศรีวิชัย ผกก.สภ.บางกรวยได้ตรวจสอบหมายเลขทะเบียนรถของคู่กรณีที่ก่อเหตุ ทราบขื่อผู้ครอบครองรถ คือ นางพนารัตน์ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกให้มาพบเพื่อสอบปากคำแล้ว เพื่อหาตัวว่าผู้ขับขี่ที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกายในวันดังกล่าว ซึ่งในตอนนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับมาจากนางพนารัตน์ ผู้ครอบครองรถ และเตรียมออกหมายเรียกคู่กรณีที่แท้จริงมาดำเนินคดีตามกฎหมายตามที่ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความไว้ ซึ่งในตอนนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับมาจากนางพนารัตน์ ผู้ครอบครองรถคันดังกล่าว
ล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 16 ส.ค. 64 นายสุรศักดิ์ พุ่มโพธิงาม อายุ 58 ปี (บิดา) นางนฤมล อริยานุวัฒน์ (มารดา) พร้อมด้วย ไวท์ ณวัชร์ พุ่มโพธิงาม ดารานักแสดงชื่อดัง และ นายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความเดินทางมาที่ สภ.บางกรวย พร้อมนำรถยนต์เบนซ์ สีขาว ทะเบียน ญข 444 กรุงเทพฯ ที่ขับในวันเกิดเหตุมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสภาพ ขณะที่ฝ่ายคู่กรณีเองก็ให้ทนายนำรถโตโยต้า คัมรี่ สีฟ้า ทะเบียน 2 กฒ 4744 กรุงเทพฯ มาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสภาพรถเช่นกัน โดยทาง นายกัณตภณ ลูกชายผู้พิพากษา ที่ทำร้ายพ่อ-แม่ ไวท์ ได้ขอเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนเป็นวันที่ 25 ส.ค. 64 เวลา 13.00 น. เนื่องจากอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานในการต่อสู้คดี
นายไพศาล ทนายฝ่ายน้องไวท์ กล่าวว่า ทางเราอยากให้ดำเนินคดีในเรื่องทำร้ายร่างกาย ตนคงไม่ก้าวล่วงไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถึงแม้ตามกฎหมายค้อนที่เขาใช้จะไม่ถือเป็นอาวุธ แต่วันเกิดเหตุเขาใช้ค้อนเป็นอาวุธทำร้ายฝ่ายเรา จึงถือว่าเป็นอาวุธ ก็อยากฝากเจ้าหน้าที่ตรงนี้ด้วย
ขณะที่ทนายฝ่ายคู่กรณี เปิดเผยว่า รายละเอียดตอนนี้คงบอกอะไรมากไม่ได้ เพราะสังคมเองก็ตัดสินไปมากแล้ว ทางเราเองก็มีพยานหลักฐานมากพอ ไว้วันที่ 25 ส.ค. จะให้รายละเอียดทีเดียวเลย วันนี้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสภาพรถ ทำงานไปตามหน้าที่ก็แล้วกัน
