ราชบุรี - ชาวบ้านในพื้นที่ ต.รางบัว นับพันคน รวมตัวกดดันให้ปลัด อบต.รางบัว พ้นตำแหน่ง อ้างปฏิบัติงานไม่โปร่งใสเกี่ยวกับเงินกองทุนหมู่บ้าน และการสร้างฟาร์มหมู ด้านปลัดแจงตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทุนนี้ ส่วนคณะกรรมการ และเครือข่ายหอบเงินหายไปพร้อมกับนายก อบต.
จากกรณีที่ชาวบ้าน หมู่ที่ 2, 4, 8, 10 และ 15 ต.รางบัว ได้ไปยื่นหนังสือให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ให้ระงับการก่อสร้างฟาร์มหมูในพื้นที่ หมู่ 8 ต.รางบัว และขอให้ย้ายปลัดอบต.รางบัว ออกนอกพื้นที่ โดยมี น.ส.เตือนใจ มิอะ อายุ 44 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 2 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี และนายเทียนชัย เทพวาส อายุ 47 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 8 ต.รางบัว เป็นตัวแทนยื่นหนังสือ เมื่อวันที่ 17 ส.ค.64 ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด วันนี้ (6 ก.ย.) บริเวณทางเข้า อบต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ชาวบ้านในพื้นที่ ต.รางบัว ที่ได้รับความเดือดร้อนจากกองทุนชมรมผู้สูงอายุสถานีอนามัยบ้านหนองนกกระเรียน และผู้ที่ไม่ต้องการให้มีฟาร์มหมูในพื้นที่ ม.8 ต.รางบัว อ.จอมบึง ได้รวมตัวเกือบ 1,000 คน เพื่อสอบถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้นว่าทำไมถึงไม่มีการจ่ายเงินในกองทุนค่า ฌาปนกิจศพให้ชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านบางคนได้เสียค่าจัดการศพมาเป็นเวลากว่า 20 ปี แต่ยังไม่มีคนเสียชีวิตไม่ได้เงินนี้ จึงได้มาร่วมกับชาวบ้านคนอื่นๆ เพื่อสอบถามว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ
น.ส.เตือนใจ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปที่ อบต.รางบัวเพื่อให้ย้ายปลัด อบต.รางบัวออกนอกพื้นที่ โดยในหนังสือบอกว่าจะดำเนินการภายใน 7 วัน วันนี้เลยมาทำตามสัญญา มาขับไล่ปลัด อบต. โดยถ้าวันนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปจะเดินหน้าไปต่อที่กรุงเทพฯ โดยจะไปร้องที่กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลข้าราชการ โดยผู้สูงอายุที่มาในวันนี้เดือดร้อนเรื่องเกี่ยวกับกองทุนค่าฌาปนกิจศพบ้านหนองนกกระเรียน
จากอดีตที่ผ่านมากว่า 30 ปี ชาวบ้านส่งเงินศพละ 50 บาท อยู่ๆ มีคณะกรรมการบอกว่าหัวหน้าข่ายไม่เอาเงินมาส่ง และไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ จึงได้มีการจัดประชุม และทางปลัดได้ออกมาชี้แจงว่าทางจังหวัดได้ส่งปลัดมาแก้ไขและไปตามเก็บเงินของเก่าและมาบังคับสมาชิกว่าถ้าใครไม่จ่ายเพิ่มอีก คนละ 5 พันบาท จะตัดสิทธิไป ซึ่งชาวบ้านบางคนไม่มีเงิน ส่วนตนเองยังไม่ได้ส่งต่อแม้จะจ่ายมา 9 ปีแล้ว
ต่อมา ทางผู้สื่อข่าวได้ติดต่อกับนางพรรณนิตา ชิตานุวัตร ปลัด อบต.รางบัว ปฏิบัติหน้าที่ นายก อบต.รางบัว เพื่อสอบถามถึงเรื่องราวความเป็นมาที่เกิดขึ้น หลังมีชาวบ้านรวมตัวขับไล่ปลัดออกนอกพื้นที่ โดยมีข้อสอบถามถึงเรื่องการก่อสร้างฟาร์มหมู และเรื่องค่าฌาปนกิจศพ
นางพรรณนิตา เปิดเผยว่า เรื่องแรกเป็นเรื่องของฟาร์มหมู ขณะนี้มีการขออนุญาตสร้างฟาร์มหมูอยู่ 1 ฟาร์ม สร้างขึ้นหมู่ที่ 8 การอนุญาตได้ดำเนินการเสร็จสิ้นโดยนายก อบต.ไปเรียบร้อยแล้ว ปลัดได้มาทำงานเมื่อวันที่ 16 มี.ค. 64 ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการอนุญาตการก่อสร้างอาคารเลี้ยงสุกร พอทราบว่ามีการคัดค้านเราได้เข้าไปตรวจสอบ พบว่าเรื่องของการขุดดินที่ไม่ได้ขนาด ได้สั่งให้เขาระงับและทำการแก้ไข ส่วนเรื่องของการก่อสร้างอาคาร ผู้ประกอบการได้รับใบอนุญาตไปเรียบร้อยและทำการก่อสร้างอยู่ พอทราบว่ามีการคัดค้านอีก เราสั่งระงับไปและได้สั่งให้ชี้แจงให้ผู้คัดค้านทราบแล้ว
ในส่วนของการขออนุญาตเลี้ยงสุกรยังไม่ได้ขออนุญาต สำหรับ อบต.อยากให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ซึ่งในสถานการณ์โควิด-19 เราไม่สามารถเรียกประชุมชาวบ้านให้มารวมตัวกันได้ จึงทำหนังสือไปสอบถามความคิดเห็นดูว่าการอนุญาตโดยนายกอบต.ได้รับผลกระทบใดๆ หรือไม่ ซึ่งมีชาวบ้านในหมู่บ้านที่เขาก่อสร้างฟาร์มสุกรไม่ได้ขัดข้องอะไร แต่ยังมีหมู่บ้านอื่นๆ ที่ยังไม่ได้เกี่ยวข้องหรืออยู่ในเขตรัศมีที่เกี่ยวข้องกับฟาร์ม ที่พยายามคัดค้านอยู่ ในส่วนนี้อยู่ในขั้นตอนของการสืบสวนข้อเท็จจริง ว่าจะทำยังไงกันต่อไป แต่ในเรื่องของเอกสารของฟาร์มสุกรไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับปลัด จึงไม่ทราบว่าจะให้ไปชี้แจงประเด็นไหนต่อเพิ่มเติม
สำหรับเรื่องกลุ่มฌาปนกิจที่พยายามสอบถามอยู่ คือกลุ่มฌาปนกิจเดิมที่มีกลุ่มหนึ่ง ชื่อกลุ่มฌาปนกิจผู้สูงอายุสถานีอนามัยบ้านหนองนกกระเรียน กลุ่มนี้จะมีคณะกรรมการบริหารอยู่ คือ อดีตนายก อบต.รางบัว กับทีมงาน เขาทำกันมานานหลายสิบปี ทางคณะกรรมการชุดเก่าพากันทิ้งสมาชิกหมด ลาออกจากการบริหารงานตั้งแต่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา และมีเจ้าหน้าที่หรือชาวบ้านมาขอร้องให้ปลัดช่วยดู ว่ายังไม่ได้เงินหลายราย พอเข้าไปตรวจสอบพบว่า คนเก็บเงินเอาเงินไปใช้ พร้อมทำหนังสือมายินยอมว่านำเงินไปใช้จริง และจะผ่อนชำระคืนให้ ปัจจุบันมีส่วนหนึ่งที่ชำระคืน บางส่วนยังไม่ได้คืน ในส่วนที่ชำระคืนได้เก็บเงินส่งให้คนตาย แต่มีรายที่อยู่ในกลุ่มของคนที่เก็บเงินรอรับเงินจากคนที่ต้องนำมาคืนแต่ยังไม่ได้คืน
หลังจากนั้น กลุ่มนี้ไม่ได้ดำเนินการต่อ แต่มีสมาชิกในกลุ่มนั้นขอร้องให้ปลัดช่วยดูให้ต่อ อยากจะส่งเงิน เลยขอให้ตั้งกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งเป็นชุดเฉพาะกิจเพื่อช่วยเหลือเยียวยา เลยจัดตั้งกลุ่มขึ้นมาเป็นกลุ่มใหม่ และสอบถามไปที่กลุ่มเดิมว่าใครประสงค์จะมาเข้ากลุ่มนี้ให้มาลงชื่อและส่งเอกสารเพื่อสมัครเป็นสมาชิกของกลุ่มใหม่ มีการเก็บเงินค่าสงเคราะห์ศพละ 50 บาท จำนวน 100 ศพล่วงหน้า ปีหนึ่งก็เก็บที่ 100 ศพ ถ้าเสียชีวิตเกินให้นำเงินมาจ่ายเพิ่ม เก็บเงินได้มาจ่ายให้ผู้เสียชีวิตไปทั้งหมด 62 ศพ ส่วนขณะนี้มีคนแจ้งเสียชีวิตอยู่ที่ 89 ราย ยังเหลืออีก 27 ศพที่ยังไม่ได้นับเงินใน 27 ศพ ที่ยังไม่ได้รับเงินเพราะว่ามีกลุ่มคนที่พยายามจะให้ชมรมล้ม เลยไปปลุกระดมไม่ให้จ่ายเงิน และมีกลุ่มคนที่ไม่ประสงค์จะเป็นสมาชิก ได้ขอเข้ามารับเงินซึ่งทางชมรมบอกว่าไม่ได้เป็นสมาชิก พอไม่ให้ก็ไปร้องเรียนแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งเราไม่ได้เกี่ยวข้อง ปลัดเองแค่ที่ปรึกษาให้คณะกรรมการชมรม ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับชมรมในการบริหารงาน แต่การที่เอาเจ้าหน้าที่ของชมรมมาทำงานที่นี่ เนื่องจากชมรมไม่มีพื้นที่อำนวยความสะดวกให้เขาได้ใช้พื้นที่
ทั้งนี้ หลังจากทางปลัด อบต.รางบัวไม่ได้ออกมาชี้แจงทางชาวบ้านจึงได้เดินเข้าไปที่บริเวณลานหน้า อบต. และได้เรียกให้ปลัดออกมาชี้แจง พร้อมทั้งจุดไฟเผาหุ่นตัวแทน ทั้ง 3 มีปลัด อบต. ประธานกลุ่มค่าฌาปนกิจศพ และปลัดศูนย์ดำรงธรรม อ.จอมบึง
