xs
xsm
sm
md
lg

เย้ย กม.! บุกยึดถุงบาม-อวนขนาดใหญ่ลอบจับปลาฤดูวางไข่กลางน้ำมูล แฉกลุ่มทุนทำเป็นขบวนการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สุรินทร์ - จนท.ประมงบุกยึดถุงบามขนาดใหญ่และอวนลากทับตลิ่ง ลักลอบจับปลาในช่วงฤดูกาลวางไข่ขยายพันธุ์กลางลำน้ำมูลเย้ยกฎหมาย คาดเป็นกลุ่มทุนทำเป็นขบวนการต้องใช้เรือขนาดใหญ่ลาก ส่วนกลุ่มผู้ร่วมทำผิดเผ่นหนีไปได้หมด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวีระศักดิ์ สุวรรณพันธ์ เจ้าหน้าที่งานประมงปฏิบัติงานสังกัดหน่วยป้องกันปราบปรามประมงน้ำจืดนางรอง (บุรีรัมย์) สังกัดหน่วยป้องกันปราบปรามประมงน้ำจืดนครราชสีมา พร้อมเจ้าหน้าที่ประมงจำนวนหนึ่ง ได้เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.มานพ สุนทรารักษ์ พนักงานสอบสวน สภ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ เพื่อลงบันทึกประจำวัน ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ประมงได้เข้าตรวจยึดอุปกรณ์การทำประมงที่ทำผิดกฎหมายในแม่น้ำมูล บ้านทับใหญ่ บ้านโนนแคน และบ้านโพธิ์ ต.ทับใหญ่ อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์


โดยยึดของกลางเป็นเครื่องมือทำการประมงน้ำจืด ประกอบด้วย ถุงบาม ที่มีใช้สำหรับการยกยอ ขนาดกว้าง 20x20 เมตร มีความลึกประมาณ 6 เมตร ขนาดช่องตาข่ายกว้างประมาณ 2.5 เซนติเมตร จำนวน 4 ปาก และยังมีอวนลากทับตลิ่งขนาดความยาว 100 เมตร ช่องตาข่าย 2.5 เซนติเมตร ลึก 3 เมตร จำนวน 4 ผืน ซึ่งชุดเจ้าหน้าที่ประมงสามารถยึดของกลางทั้งหมดได้กลางลำน้ำมูล บริเวณพื้นที่บ้านทับใหญ่ บ้านโนนแคน และบ้านโพธิ์ ซึ่งเป็นเขตพื้นที่รับผิดชอบของ ม.1-ม.3 ต.ทับใหญ่ อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์

นายวีระศักดิ์กล่าวว่า ได้รับการแจ้งจากเครือข่ายนักอนุรักษ์ทรัพยากรประมงว่าในพื้นที่ ต.ทับใหญ่ได้มีกลุ่มคนแปลกหน้าใช้เรือขนาดใหญ่และอุปกรณ์ประมงขนาดใหญ่เข้ามาทำการจับปลาในพื้นที่ดังกล่าวบ่อยครั้ง หลังรับแจ้งจึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ประมงจำนวนหนึ่ง พร้อมเรือท้องแบนจำนวน 2 ลำเข้าพื้นที่เพื่อวางแผนและตรวจการณ์ตามลำน้ำมูลดังกล่าว กระทั่งมาถึงพื้นที่เป้าหมายในพื้นที่ ต.ทับใหญ่ ต้องตะลึงเมื่อพบถุงบามขนาดใหญ่ ซึ่งใช้ในการลากยอ จำนวน 4 ปาก และพบอวนลากทับตลิ่งอีกจำนวน 4 ผืน ขณะที่ริมฝั่งมูลพบเห็นผู้คนจำนวนหนึ่งได้วิ่งหลบหนีไปด้วย ซึ่งคาดว่าจะเป็นกลุ่มคนผู้ร่วมกระทำความผิด


สำหรับผู้ที่จะใช้อุปกรณ์ขนาดใหญ่เท่านี้ได้ต้องเป็นผู้มีทุนมากพอ และต้องใช้เรือขนาดใหญ่ในการลากจึงสามารถทำได้ ทั้งนี้เชื่อว่ากลุ่มผู้ทำผิดกฎหมายอาจเห็นเจ้าหน้าที่ก่อนที่จะใช้เรือหลบหนีไป และให้อีกกลุ่มรอสังเกตการณ์บนฝั่งก่อนหลบหนีไป ภายหลังทำการตรวจยึดอุปกรณ์จึงได้นำมาลงบันทึกประจำวันเพื่อเป็นหลักฐาน และดำเนินการหาตัวผู้กระทำความผิดต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของการห้ามทำการประมงในฤดูปลาวางไข่นั้น กรมประมงยังคงประกาศใช้มาตรการคุ้มครองสัตว์น้ำจืดมีไข่ วางไข่ และเลี้ยงตัวอ่อน ในทุกจังหวัด ให้เหมาะสมตามข้อมูลทางวิชาการและการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งคาดว่าในปี 2564 ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญและลานีญา ทำให้ช่วงกลางเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายนจะมีฝนเพิ่มมากขึ้นและต่อเนื่อง โดยคาดว่าฤดูฝนปีนี้จะเริ่มต้นประมาณสัปดาห์ที่สองของเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะเร็วกว่าปกติและไปสิ้นสุดลงประมาณกลางเดือนตุลาคม และปริมาณน้ำฝนรวมของทั้งประเทศจะมีปริมาณมากกว่าค่าปกติและมากกว่าปีที่แล้ว

นั่นหมายความว่า ช่วงดังกล่าวนี้จะเข้าสู่ช่วงฤดูน้ำแดง ตามประกาศการใช้มาตรการสัตว์น้ำจืดมีไข่ วางไข่ และเลี้ยงตัวอ่อน “ฤดูน้ำแดง” มีกำหนดใช้ 2 ปี คือระหว่างปี พ.ศ. 2564-2565 ตามประกาศกรมประมง ลงวันที่ 30 เมษายน 2564 เรื่อง กำหนดพื้นที่และระยะเวลาฤดูสัตว์น้ำจืดมีไข่ หรือวางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน และกำหนดเครื่องมือ วิธีการทำการประมง และเงื่อนไขในการทำการประมง พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้ผู้ใดทำการประมงทุกชนิดในช่วงฤดูสัตว์น้ำจืดมีไข่ ยกเว้นเครื่องมือบางชนิด ตามระยะเวลาและพื้นที่ ดังนี้


วันที่ 1 มิถุนายน 2564 ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564 และวันที่ 1 มิถุนายน 2565 ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2565 ในพื้นที่ 39 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดหนองบัวลำภู ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา มหาสารคามกาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี สิงห์บุรี ลพบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี สุพรรณบุรี สระบุรี นครปฐม นนทบุรี กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ในส่วนของเครื่องมือ วิธีการทำการประมงที่อนุญาตให้ประชาชนสามารถทำการประมงในฤดูสัตว์น้ำจืดมีไข่ได้ มีดังนี้ 1. เบ็ดทุกชนิด ยกเว้น เบ็ดราว เบ็ดพวง ที่ทำการประมงโดยวิธีการกระชาก หรือการใช้เครื่องมืออื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน 2. ตะแกรง สวิง ช้อน ยอ หรือชนาง ซึ่งมีขนาดปากกว้างไม่เกิน 2 เมตร และไม่ทำการประมงด้วยวิธีประดาตั้งแต่สามเครื่องมือขึ้นไป 3. สุ่ม ฉมวก และส้อม 4. ไซ ตุ้ม อีจู้ ลัน 5. แหที่มีความลึกไม่เกิน 6 ศอก (3 เมตร) 6. การทำการประมงเพื่อการศึกษา วิจัย ทดลองทางวิชาการ หรือในพื้นที่โครงการที่ดำเนินการของทางราชการ และได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีกรมประมง


ทั้งนี้ หากผู้ใดฝ่าฝืนตามประกาศฯ มาตรา 70 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มีโทษปรับตั้งแต่ห้าพันถึงห้าหมื่นบาท หรือปรับจำนวนห้าเท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำประมงแล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า ที่ผ่านมากรมประมงต้องขอขอบคุณพี่น้องชาวประมงในแหล่งน้ำจืดทุกคนที่ให้ความร่วมมือกับทางภาครัฐในการปฏิบัติตามกฎหมาย จนทำให้ทรัพยากรสัตว์น้ำค่อยฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์










กำลังโหลดความคิดเห็น